วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

เป็นหนึ่งเดียวกัน

สิ่งที่เชื่อมเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า คือ "ความเชื่อ ความศรัทธา" วันนี้ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น จงเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าเสมอว่าพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งทุกๆคนที่เชื่อและศรัทธาในพระองค์แน่นอน (ฉธบ.31:6)

วันนี้ ... ได้นั่งลงทบทวนกับตนเองว่า...;
- ทำไมคริสเตียนคนที่รักพระเจ้า ... จึงยังพบกับความทุกข์ยากลำบากอยู่?
- ทำไมบางคนยังเจ็บป่วยอยู่ แม้จะอธิษฐานแล้วก็ไม่ได้รับการรักษาจากพระเจ้าเลย?
- ทำไมเรายังเจ่อะเจอปัญหาอยู่เรื่อยๆ ทั้งที่ๆเรามีพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุดอยู่กับตัวเอง?
- ทำไมเรายังถูกข่มเหง ถูกต่อต้าน?
- อธิษฐานก็แล้ว ทำไมพระเจ้าไม่เห็นตอบเลย?
- ทำไมคริสเตียนบางคนยังมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับชาวโลก พระเจ้าไม่ทรงทำอะไรหรือ?
และ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม.........!!!!!"

สาธุการพระเจ้าพระบิดานิรันดร์องค์สันติราช พระมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวงในโลกนี้ พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์สูงสุดเพียงพระองค์เดียว ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ก็เหลือจะพรรณนาได้จริงๆ (1ทธ.6:15-16)

ความคิดและพระปัญญาของพระเจ้าก็สูงยิ่งกว่าฟ้าสวรรค์ การที่เราจะสามารถเข้าใจทั้งหมดได้นั้นยากจริงๆ ยิ่งคิดยิ่ง "ไม่เข้าใจ" เลยจริงๆ

"แต่ข้าพเจ้าเล่า เท้าของข้าพเจ้าเกือบสะดุด ย่างเท้าของข้าพเจ้าจวนพลาดเต็มทีแล้ว เพราะข้าพเจ้าริษยาคนจองหอง เมื่อข้าพเจ้าเห็นความสมบูรณ์พูนสุขของคนอธรรม ... ข้าพเจ้าได้รักษาใจให้สะอาด และชำระมือด้วยความบริสุทธิ์ก็เปล่าประโยชน์แน่ทีเดียว เพราะข้าพเจ้ารับภัยอยู่วันแล้ววันเล่า และถูกตีสอนอยู่ทุกเช้า" (สดด.73:1-2, 13-14)

ฮาๆๆๆๆๆ+ สรรเสริญพระเจ้า เมื่อได้นั่งลงอธิษฐานถามพระเจ้าว่า "ทำไม ทำไม ทำไม ...???" พระเจ้าทรงตรัสในจิตใจลึกๆว่า "จงเชื่อ" เท่านั้น

ขอบพระคุณพระเจ้าเมื่อได้นั่งลงภาวนาพระคำ ฮีบรู บทที่ 11 สรรเสริญพระเจ้า ผมต้องกลับใจใหม่ต้อง "เชื่อ" เท่านั้นจริงๆ พระเจ้าช่างยิ่งใหญ่และทำสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงได้เสมอจริงๆ นี่ละผมเลยเรียกว่า "ปาฏิหารย์ที่เหนือกว่าทั้งมหัศจรรย์และอัศจรรย์ของโลกนี้จริงๆ"

หากไม่เชื่อ เราก็จะไม่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่า "หากไม่เชื่อก็จะไม่ได้เห็น" (ฮบ.11:6, ยน.11:40) สวนทางกับโลกที่บอกเราว่า "เห็นแล้วจึงเชื่อ" นี่ละ...พระเจ้าจึงทรงเตือนเราว่า อย่าให้เราทำอย่างโลกนี้ทำ แต่จงแสวงหาที่จะรู้จักพระเจ้าผ่านความเชื่อ แล้วเราจึงจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ (มธ.6:32-33)

ความเชื่อ เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ นอกจากจะเชื่อมเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้าแล้วยังทำให้เรามีความหวังใจที่จะเดินไปกับพระองค์ ทำให้เราสามารถอดทนต่อทุกสิ่งได้ ทำให้เรามีกำลังที่จะทำสิ่งต่างๆได้ (ฮบ.11:32-35)

นี่ละความเชื่อจึงเปรียบเสมือนโล่ และเกราะป้องกันอก [หัวใจ] ที่จะดับลูกศรเพลิงแห่งความกลัว ความสงสัยของมารซาตานได้จริงๆ (อฟ.6:16, 1ธส.5:8)

สรุป...คำตอบที่พระเจ้าทรงประทานให้
1.ปัญหาใดๆ โรคร้ายใดๆ หรือแม้แต่มารซาตานไม่ใหญ่เกินพอจะแตะต้องหรือทำอันตรายอะไรผู้เชื่อได้ แต่มันสามารถทำให้เรา "สงสัย และเลิกเชื่อวางใจในพระเจ้าได้" (ปฐก.3:4-6) เพราะ "ผู้ใดแตะต้องเจ้า ก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์" (ศคย.2:8)

2.เมื่อเราเชื่ออย่างเดียวไม่พอ ต้องพิสูจน์ความเชื่อผ่านการกระทำของเรา (ยก.2:22) ไม่เพียงแค่การอธิษฐานด้วยความเชื่อเท่านั้น แต่ต้องอดทนและรอคอยจนกว่าจะได้รับคำตอบตามที่ได้อธิษฐาน (ฮบ.10:35-39)

3.ไม่ว่าคำตอบที่ได้จะดีหรือไม่? ... จะถูกใจเราหรือไม่? จงขอบพระคุณเสมอ เพราะพระเจ้าแม้จะรักเรามากเพียงใด พระเจ้าทรงใส่พระทัยเราแต่จะไม่ทรงตามใจเราเสียทุกเรื่อง พระองค์อาจจะทรงยอมให้เราเสียใจในวันนี้มากกว่ายอมให้เราต้องเสียคนในวันข้างหน้า ... และเชื่อว่า "สิ่งที่ดีกว่า" กำลังมาแทนสิ่งที่เราคิดว่าดี! (1ธส.5:18)

4.ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น จงตั้งสติ นิ่งสงบและอธิษฐาน แล้วจงเชื่อเท่านั้น นึกถึงหลักการ "ความรัก" ที่ยิ่งใหญ่ (ยรม.31:3)
4.1.พระเจ้ารักเราที่สุด (ฮชย.11:8)
4.2.เมื่อไม่ได้อะไรดั่งใจ จงกลับไปดูข้อ 4.1.
4.3.เมื่อเจอปัญหา หรืออุปสรรค จงกลับไปดูข้อ 4.1.
4.4.เมื่อพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐาน จงกลับไปดูข้อ 4.1.
4.5.เมื่อต้องสูญเสียบางคน หรือบางสิ่งที่เรารักไป จงกลับไปดูข้อ 4.1.
{ใคร่ครวญ อิสยาห์ 48:9-19}

5.คำอธิษฐานเป็นของเรา แต่คำตอบทุกสิ่งมาจากพระเจ้า ให้ทุกอย่างแล้วแต่พระเจ้าจะทรงพระกรุณา เพราะเราเป็นทาสของพระองค์ อย่าบังคับพระองค์ด้วยคำอธิษฐานของเรา อย่าจำกัดพระองค์ด้วยความคิดที่จำกัดของเราเอง (อสย.55:8-9, มก.14:36)

6.ที่พระเจ้าไม่ตอบไม่ใช่เพราะพระองค์ทรงทำไม่ได้ แต่ ... พระองค์ทรงรู้ว่าสิ่งที่เรากำลังร้องทูลขอนั้นมันเล็กน้อย ไม่เหมาะสมกับเราเลย (อฟ.3:20)
"แม้คนเหล่านี้ทุกคนได้รับการรับรองเพราะความเชื่อ แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้ เพราะพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ประเสริฐยิ่งกว่านั้นไว้สำหรับพวกเรา เพื่อพวกเขาจะถึงความสมบูรณ์ด้วยกันกับพวกเรา...แผ่นดินโลกไม่คู่ควรกับคนเช่นนั้นเลย" (ฮบ.11:39-40)

7.จงเชื่อว่าพระเจ้าทรงมีสิ่งที่ดีกว่าและยิ่งใหญ่กว่าเตรียมไว้รอเราเสมอ สิ่งที่เราคิดไม่ถึง สิ่งที่ตาเราไม่เคยเห็น สิ่งที่หูของเราไม่เคยได้ยิน คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้สำหรับทุกคนที่รักพระนามของพระองค์มิใช่หรอ? (1คร.2:9)

ฉะนั้น...จงเชื่อเท่านั้น จงเชื่อมใจของเรากับพระเจ้าให้เป็นหนึ่งเดียวกันผ่านทางความเชื่อ อย่าหวั่นไหว ... พระหัตถ์ของพระเจ้าไม่ได้สั้นเกินกว่าที่จะช่วยให้เรารอดไม่ได้ และหูของพระองค์ไม่เคยตึงที่จะไม่ได้ยินทุกคำร้องทูลของเรา (กดว.11:23, อสย.59:1) จงเชื่อ เชื่อ เชื่อ เชื่อ เพราะพระเจ้าทรงทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่งจริงๆ (มก.11:22-24)

แม้วันนี้เราไม่ได้รับคำตอบใดๆจากพระเจ้า ก็จงเชื่อและขอบพระคุณพระเจ้าแล้วเดินตามพระองค์ต่อไป แม้ไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการก็ไม่ได้หมายความว่า "พระเจ้าจะทรงทอดทิ้งเราแล้ว" ไม่เลย ... แต่พระองค์จะทรงนำเราให้เดินต่อไปในแผนการที่แสนสุดวิเศษของพระองค์ที่เต็มด้วยสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ (ยรม.29:11) พระเจ้าทรงรักเราและจะไม่ทอดทิ้งเรา (มธ.28:20)

แม้อาจจะมีการสูญเสียบางคน หรือบางสิ่งไป เพราะพระเจ้าไม่ตอบคำอธิษฐาน เช่น ดาวิด (2ซมอ.12:22-23) แต่เดี๋ยวเราก็จะเจอเค้าอีกครั้งหนึ่งในแผ่นดินของพระเจ้าแน่นอน (1ธส.4:13-18)

จงขอบพระคุณแทนการบ่นดีกว่านะครับ!

เอเมน
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เมื่อปัญหามารุมเร้า

เมื่อปัญหามารุมเร้า เมื่อพายุโหมกระหน่ำพัดมาอย่างน่ากลัว มองไปทางใดไม่เจอทางออก หรือทางที่เป็นไปได้ที่จะรอดชีวิตได้เลย ... "ใจของข้าพระองค์ตรอมตรมอยู่ภายใน และความสยดสยองของความตายโถมทับข้าพระองค์ ความกลัวและความสะทกสะท้านมาเหนือข้าพระองค์ และความหวาดกลัวก็ครอบงำข้าพระองค์" (สดด.55:4-5)

ลูกทำได้แค่นี้เองจริงๆหรอ? คือ สาธุการพระเจ้า ขอบพระคุณพระเจ้า และสรรเสริญพระเจ้า (โยบ 1:21)

แต่เมื่อทบทวนชีวิต พระคุณพระเจ้ามีมากพอจริงๆ เพราะความรักมั่นคงของพระเจ้าดำรงอยู่ตลอดไปเป็นนิตย์ (พคค.3:20-24)

พระเจ้าไม่ได้ทรงช่วยกู้ให้รอดเพราะกำลัง หรือสติปัญญาของเราเอง หรือด้วยคนมั่งมี หรือด้วยคนที่แข็งแรง แต่พระหัตถ์พระเจ้าทรงช่วยกู้เพราะความรักมั่นคงของพระเจ้าดำรงอยู่กับเราตลอดไปเป็นนิตย์เสมอ (1ซมอ.14:6, 17:45-47, 2พศด.20:15-17)

ตอนนี้ แม้การช่วยกู้จะยังมาไม่ถึงทันใจของเรา แต่พระเจ้าทรงยืนยันกับเราว่า "เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้า และจะทรงมาทันเวลาแน่นอน" (กดว.11:23)

เมื่อเราเริ่มสับสน ท้อแท้ และความเหน็ดเหนื่อยเข้ามาเกาะกุมหัวใจของเรา เราก็ได้เผลอทำบาปต่อพระองค์นั่นคือ ผมกำลังเลิกไว้วางใจในพระเจ้า (มธ.8:24-26) ... !

คำอธิษฐาน ;
"ข้าแต่พระเจ้าโปรดทรงขนาบข้าพระองค์ และบังคับข้าพระองค์ให้เท้าของข้าพระองค์กลับมาสู่ลู่วิ่งชีวิตในเส้นทางแห่งการเชื่อฟังต่อไป โปรดยื่นพระหัตถ์จับหน้าข้าพระองค์ให้ดวงตาจับจ้องที่พระพักตร์พระบิดาผู้ทรงเต็มเปี่ยมด้วยความรัก และความเมตตาอย่างมั่นคงนิรันดร์ต่อข้าพระองค์ตลอดไป เพื่อที่เท้าของข้าพระองค์จะไม่ลื่นไถลล้มลงอย่างเจ็บปวด และเพื่อที่จิตใจของข้าพระองค์จะไม่หวั่นไหวเต็มไปด้วยความกลัวอีกต่อไป...พระเจ้า (สดด.55:16-19, 73:26, 80:17-18)

ยิ่งข้าพระองค์อ่อนแอมากเท่าไร ข้าแต่พระเจ้าขอทรงเพิ่มเติมความรัก และสันติสุขของพระองค์ให้หลั่งไหลเข้ามาสู่จิตใจของข้าพระองค์มากขึ้นเท่านั้น โปรดให้ริมฝีปากของข้าพระองค์ที่จะกล่าวคำขอบพระคุณแทนการบ่นด้วยเถิด (สดด.42:6-8, ฟป.4:6-7, 1ธส.5:18)

ยิ่งทุกข์เท่าไร ขอให้ข้าพระองค์ยิ่งกลับรู้สึกและมั่นคงในความรักที่มีต่อพระองค์ให้มากยิ่งๆขึ้นด้วยเถิด ให้รักพระเจ้ามากยิ่งกว่าเมื่อวานนี้ เพราะโดยความรักนั้นข้าพระองค์จะสามารถยืนอย่างนิ่งสงบได้ เพราะพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงยืนอยู่เคียงข้างข้าพระองค์ ณ ตรงจุดนั้นที่ข้าพระองค์กำลังยืนเผชิญอยู่ แล้วด้วยอำนาจแห่งความรักนี้...จะยึดข้าพระองค์ไว้ และพระคุณพระเจ้าจะล้อมข้าพระองค์ไว้ทุกด้าน แล้วข้าพระองค์จะกางปีกบินทะยานขึ้นไปดั่งนกอินทรีสู่พระบิดาที่ทรงรักและห่วงใยข้าพระองค์เสมอ แล้วข้าพระองค์จะได้รับการเสริมกำลังใหม่ เพื่อข้าพระองค์จะเดินแล้วไม่อ่อนเปลี้ย ข้าพระองค์จะวิ่งแล้วจะไม่เหน็ดเหนือยเลย ... เพราะข้าพระองค์เลือกจะซ่อนตัวในพระเจ้าที่รักข้าพระองค์มากที่สุดแล้ว เอเมน" (สดด.84:1-7, 89:1-2, 33, อสย.40:30-31, ยรม.17:14, 31:3)

เช่นที่โมเสสอธิษฐานว่า ;
"ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ร้องเพลงด้วยความชื่นบานและยินดีตลอดเวลาของพวกข้าพระองค์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีให้มากวันเท่ากับที่พระองค์ได้ทรงให้พวกข้าพระองค์ทุกข์ยากนั้น และให้มากปีเท่ากับที่พวกข้าพระองค์ได้ประสบสิ่งร้าย" (สดด.90:14-15)

แล้วเราจะกล่าวอย่างดาวิดว่า ;
"สาธุการแด่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธคำอธิษฐานของข้าพเจ้า และไม่ทรงเอาความรักมั่นคงของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า" (สดด.16:20)

"เพราะพระองค์ทรงจุดตะเกียงของข้าพระองค์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงทำความมืดของข้าพระองค์ให้สว่าง" (สดด.18:28)

ความหวังที่อยู่ในพระเจ้า ... จะไม่จบลงที่ความอับอาย
ความเชื่อที่อยู่ในพระเจ้า ... จะไม่จบลงที่ความตาย
ความรักที่อยู่ในพระเจ้า ... จะไม่จบลงที่ความเจ็บปวด
แต่จะเป็นเกียรติ ชื่อเสียงดี ความมั่งคั่ง และชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยสันติสุข คือ ผู้ที่เอาจิตใจอยู่ในพระเจ้า (อสย.54:4-17, 61:7)

แล้ววันนี้ ... จิตใจของเราอยู่ที่ใด หรืออยู่ที่ใคร?

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา