วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เมื่อเราเผชิญสถานการณ์ที่ยากจะเข้าใจ

"จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก" (สดด.46:10)

เมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากจะเข้าใจ เลวร้าย ยากจะอธิบายให้ใครๆเข้าใจเราได้ น้ำตาก็ไหล จงขอบพระคุณและขอบพระคุณ แทนการบ่น แทนการพยายามจะเรียกร้องความเห็นใจ หรือความยุติธรรมใดๆจากมนุษย์ แต่จงร้องเรียกพระเจ้า ทำจิตใจของเราให้เข้มแข็งไว้ เพราะโดยพระหัตถ์พระเจ้าที่มองไม่เห็นนั้น พระองค์จะทรงนำเราให้ผ่านพ้นสถานการณ์นั้นๆ (ฉธบ.31:6) เฉกเช่น โมเสส ที่ร้องบอกชนชาติอิสราเอลที่เต็มไปด้วยความกลัว และความสิ้นหวังที่จะรอดพ้นจากวิกฤตปัญหาที่ใหญ่นี้ได้ว่า... ;

"โมเสสกล่าวกับประชากรว่า 'อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอยดูความรอดจากพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวกท่านในวันนี้ ... พระยาห์เวห์จะทรงรบแทนท่านหลาย พวกท่านจงสงบเถิด'" (อพย.14:13-14)

ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เลวร้าย มันเป็นการยากจริงๆที่จิตใจของเราจะสงบได้ เวลาก็ไม่หยุดนิ่ง ยิ่งใกล้จะหมดเวลาเท่าไร จิตใจของเราก็ยิ่งรุกรี้รุกรนมากขึ้น จนลืมทุกสิ่ง ในหัวสมองคิดแต่ว่า "ทำไงดี...ตายแน่ๆ?!"

หากไม่มีเหตุการณ์ที่เลวร้าย เราจะได้รับประสบการณ์ในความอัศจรรย์ของพระเจ้าได้อย่างไร? เราจะมีประสบการณ์ได้เห็นพระเจ้าทรงแหวกทะเลแดงเพื่อให้เราเดินไปสู่อีกฝากฝั่งหนึ่งเหมือนชนชาติอิสราเอลได้อย่างไร...?

แต่พระเจ้าทรงเป็นความอุปถัมภ์ เป็นความช่วยเหลือในวันยากลำบาก พระองค์จะไม่ทรงปล่อยเราให้เผชิญเพียงลำพัง (สดด.121:1-8) เมื่อมีปัญหานั้น พระเจ้าสั่งเพียงให้เรา "นิ่ง" จงร้องทูลพระเจ้าจากที่คับแค้นใจของเรา แล้วพระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงประทานความโล่งใจแก่เรา (สดด.118:5) จงมอบภาระปัญหานั้นให้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงคำจุ้นเรา นำพาให้เราผ่านพ้นวันนี้ไปได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา (สดด.55:22)

ปัญหา ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่มีพระเจ้าอยู่ภายในจิตใจ แต่...มันจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวทันทีหากเราขาดความไว้วางใจในพระเจ้า ...!

เมื่อเราสู้สุดกำลัง แต่ก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จงขอบพระคุณและมอบปัญหานั้นให้พระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ทรงรังเกียจปัญหานั้น หรือดูถูกเราว่า "เพียงปัญหาแค่นี้ก็แก้ไขไม่ได้หรือ?" แต่พระเจ้าทรงเข้าใจเราทั้งหลายมากยิ่งกว่าเราเสียอีก และพระองค์จะทรงถือว่าปัญหานั้นเป็นของพระองค์เอง และจะทรงลุกขึ้นเพื่อเรา อย่าลืมพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่บริสุทธิ์ ทรงฤทธานุภาพสูงสูดเพียงพระองค์เดียว (2พศด.20:6, 15-17)

"เพราะฉะนั้น ถ้าพวกท่านเองผู้เป็นคนบาปยังรู้จักให้ของดีแก่ลูกของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่พวกที่ขอต่อพระองค์"  (มธ.7:11)

ปัญหาอาจจะรุมล้อมเราไว้ได้ทุกด้าน แต่ปัญหาไม่สามารถจะปิดกั้นสายพระเนตรของพระเจ้าที่เฝ้ามองเราได้ เพียงแต่เราจงแหงนหน้าขึ้น ชูมือต่อพระเจ้าผู้ประทับบนฟ้าสวรรค์ แทนที่จะนั่งจมปลักในความทุกข์ระทมใจ ซึ่งก็ไม่อาจจะช่วยให้เรารอดพ้นจากปัญหา หรือได้รับคำตอบใดๆได้เลย (สดด.141:2)

"ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์
เพราะจิตใจของข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ข้าพระองค์จะลี้ภัยใต้ร่มปีกของพระองค์ จนกว่าภัยอันตรายจะผ่านพ้นไป
ข้าพเจ้าจะร้องทูลต่อพระเจ้าผู้สูงสุด ต่อพระเจ้าผู้ทรงทำการให้สำเร็จเพื่อข้าพเจ้า
พระองค์จะทรงส่งความช่วยเหลือมาจากฟ้าสวรรค์และช่วยข้าพเจ้าให้รอด พระองค์จะทรงให้ผู้เหยียบย่ำข้าพเจ้าอับอาย พระเจ้าจะทรงส่งความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ลงมา"  (สดด.57:1-3)

ไม่จำเป็นต้องพยายามแสวงหาความช่วยเหลือหรือความเห็นใจ ความเข้าใจจากมนุษย์ แม้เขาจะฟัง แต่เขาอาจจะไม่เข้าใจหรือเห็นใจเราเลย (สดด.60:11-12, 146:3-4) ไม่จำเป็นต้องจมปลักอยู่กับการสงสารตนเอง และเรียกร้องความยุติธรรมจากมนุษย์ เพราะมนุษย์พิจารณาและตัดสินทุกสิ่งบนสิ่งที่เขาเห็น [หลักฐานที่เห็นได้จริง] แต่พระเจ้าทรงตัดสินและพิจารณาทุกสิ่งบนแรงจูงใจและท่าทีภายในจิตใจของเราเอง

ฉะนั้น แม้คุณจะพยายามอธิบายอย่างไร แล้วเค้าไม่เชื่อ จงอย่าถอดใจที่จะทำดี และจงวางใจในพระเจ้าต่อไป ว่าไม่นานพระองค์จะทรงเปิดเผยความจริงและคืนความยุติธรรมให้กับเรา (สดด.37:1-6) แม้จะนานสำหรับเราที่จะอดทนรอคอยได้ แต่พระองค์จะทรงเสริมกำลังให้เราอดทนรอคอยต่อไปได้ จงเชื่อเถิด เราจะได้รับพระกรุณาจากพระเจ้าก่อนจะตายแน่ๆ จงฝากความหวังไว้กับพระเจ้า และเราจะเข้มแข็งและยืดหยัดต่อไปได้แน่ๆ (สดด.27:13)

"สวัสดิภาพและเกียรติของข้าพเจ้าอยู่ที่พระเจ้า ศิลาแข็งแกร่งและที่ลี้ภัยของข้าพเจ้าคือพระเจ้า
ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระเจ้าตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา"  (สดด.62:7-8)

อย่าลืมพระเจ้าไม่เคยไม่ทรงรักษาสัญญา ทรงเคยบอกเราว่าจะทรงสถิตกับเราเสมอไปจนกว่าจะสิ้นยุคนั้น วันนี้ พระเจ้ายังทรงเป็นเช่นนั้น ไม่ได้ทรงอยู่ห่างไกลเราไปไหนเลย แต่ทรงอยู่ใกล้ๆเราเสมอ ทรงรู้ ทรงเห็นทุกสิ่งที่เราเป็น ทรงเข้าใจ...ในความอ่อนแอ และทรงคอยเสริมกำลังใหม่ให้เราเสมอ เพื่อทุกครั้งที่เราล้มลง พระหัตถ์ของพระองค์จะเหยียดออกและพยุงเราไว้ไม่ให้ล้มลงเหยียดยาว และจะทรงให้เรามีกำลังที่จะลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ (สดด.37:24, สภษ.24:16, มธ.28:20, 2คร.1:19-20, ยก.1:17, อสย.40:29-31)

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พระเจ้าจะทำให้ขาวกว่าหิมะ

"แคทเธอรีน คูลห์แมน"
หญิงที่เคยทำผิดเรื่องการล่วงประเวณี และบาปอื่นๆอีก แต่เธอได้กลับได้ใหม่ และสารภาพบาปผิดต่อพระเจ้า เธอได้รับกำลังให้ลุกขึ้นใหม่ และโอกาสจากพระหัตถ์พระเจ้าที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่...น่าเสียดายมนุษย์ที่เชื่อในพระเจ้าเช่นเธอกลับไม่ยอมให้โอกาสเธอ เช่นเดียวกันกับที่พระเจ้าให้เธอ

วันนี้...ไม่ว่าท่านจะทำผิดบาปเรื่องอะไร ความสกปรกของความบาปของท่านนั้น ไม่ยิ่งใหญ่กว่าความรักของพระเจ้าแน่ๆ พระเจ้ามีการอภัยอย่างเหลือล้น (อสย.55:7) พระองค์จะไม่ทรงดูถูกและทอดทิ้ง หรือรังเกียจท่าน แต่ความรักของพระเจ้าจะโอบล้อมท่านไว้อีกครั้ง เช่น เรื่องราวของบุตรน้อยหลงหาย (ลก.15:11-24) เมื่อบุตรน้อยที่ดื้อด้านเอาแต่ใจ ทำผิดมากมายร้ายแรง ได้กลับใจใหม่เดินมาหาบิดาของเค้า เค้ายังสวมเสื้อผ้าคนเลี้ยงหมูที่เหม็นและสกปรก แต่บิดาไม่ได้รังเกียจเค้า ทรงมองเห็นเค้าแต่ไกล และรีบวิ่งไปกอดและจุบเค้าโดยไม่รังเกียจเลย พร้อมทั้งได้ให้เสื้อผ้าใหม่ที่ดีที่สุดมาสวมให้เค้า เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย (ข้อ 22) แถมยังจัดงานเลี้ยงต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี

แล้วเราละ...คนที่เป็นลูกของพระเจ้า เราจะเลียนแบบพระลักษณะนี้ของพระเจ้าได้หรือไม่ ไม่สำคัญว่าใครจะทำอะไรผิดต่อเรา แต่สำคัญว่าเราตอบสนองเค้าคนนั้นอย่างไร? ด้วยความรักหรือด้วยความชิงชัง เพราะหากเรามัวแต่ใคร่ครวญความผิดของเค้า ก็ไม่มีทางเลยที่เราจะรักและให้อภัยคนๆนั้นได้ เหมือนเช่นพี่ชายคนโต เค้าเสียใจ และโกรธที่บิดาต้อนรับน้องชายที่เกเร เคยทำเรื่องร้ายๆเสมอ กลับเข้าบ้านอีกครั้ง ก็เพราะเค้ามองเห็นแต่ความบกพร่องของน้องชาย มากกว่ามองเห็นหัวใจของบิดาที่ปรารถนาอยากได้ลูกกลับคืนมา!

มาเถิด ให้เรามาแสดงความรักของพระเจ้ากับคนข้างๆเรา หรือคนที่เคยทำร้ายเราด้วยการอวยพรเค้าและรักเค้า ให้โอกาสเค้าได้เริ่มต้นใหม่ เฉกเช่นเราเคยได้รับจากพระเจ้าของเรา คิดเสมอว่าเมื่อเราเองทำผิด เรายังต้องการโอกาส ความเข้าใจ และเวลาที่จะได้เริ่มต้นใหม่ เค้าคนนั้นก็เช่นกัน หากว่าวันนี้...เป็นท่านที่จะมีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ อย่าละเลย อย่าพลาดโอกาสที่แสนวิเศษนี้ จงเป็นตัวแทนของพระเจ้าที่จะให้โอกาส ความรักความเข้าใจ และเวลาที่คนทำผิดจะได้เริ่มต้นใหม่ เชื่อสิ การกระทำเช่นนี้จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้ามากแค่ไหน...!

"พี่น้องของข้าพเจ้า ถ้าใครในพวกท่านถูกหลอกให้หลงผิดไปจากความจริง และมีคนนำเขากลับมา ให้คนนั้นรู้เถิดว่าผู้ที่นำคนบาปกลับจากทางผิดของเขา จะช่วยวิญญาณจิตของคนบาปนั้นให้รอดจากความตาย และจะทำให้บาปมากมายได้รับการอภัย" (ยก.5:19-20)

สิ่งที่ทำให้ชุมชนคริสตจักรของพระเจ้าแตกต่างจากชุมชนของโลกคือ เพราะเราเป็นชุมชนแห่งความรัก และหากไม่มีการอภัยในชุมชนของพระเจ้า ก็คงจะแสวงหาการอภัยที่แท้จริงจากที่ใดๆในโลกนี้ไม่ได้แล้วแน่ๆ !

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า
"บัญญัติของเราคือ ให้พวกท่านรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน ... สิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ก็คือ จงรักกันและกัน"  (ยน.15:12,17)

จะยิ่งใหญ่เพียงไร ที่คนเลวคนหนึ่งได้กลับใจและยอมจำนนเป็นเครืองมือของพระเจ้า ในพระวจนะมีแต่คนเคยเลวทั้งนั้นที่กลับใจใหม่มาเป็นเครื่องมือของพระเจ้าเพื่อให้งานของพระเจ้าสำเร็จตามพระประสงค์ เพราะพระเจ้าไม่ทรงเลือกใช้คนที่คิดว่าตนเองบริสุทธิ์มาทำงานของพระองค์ แต่ทรงเลือกคนที่ยอมรับว่าตนเองเป็นคนบาป คนเลว และต้องการการอภัยจากพระองค์ (มธ.9:10-13) เพื่อที่เค้าจะไม่มีอะไรอวดได้ นอกจากอวดพระเจ้าที่ทรงรักเค้าเท่านั้น

- ดาวิด เคยแย่งภรรยาของลูกน้องที่จงรักภักดีต่อตนเอง แต่เมื่อเค้ากลับใจพระเจ้าทรงเมตตาและให้โอกาส ท่านได้เป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิตของพระเจ้า (2ซมอ.11-12)

- เปาโล เคยข่มเหงคริสตจักรของพระเจ้า ณ เส้นทางที่เค้ากำลังเดินทางไปจับคนของพระเจ้าที่ดามัสกัส เมื่อเค้าพบการทรงเรียกจากพระเยซู เค้ากลับใจ และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในที่สุด เค้าเป็นเครื่องมือของพระเจ้าในการนำพระนามของพระองค์ไปยังชนต่างชาติมากมาย และยังเขียนพระวจนะที่ทำให้เราได้อ่านมากมายหลายเล่มด้วย (กจ.8:1-3, 9:1-3, กท.1:11-24) สรรเสริญพระเจ้า

- นางราหับ หญิงโสเภณี ยังได้เป็นบรรพบุรุษขององค์พระเยซูคริสต์ (ยชว.2:1, 8-14, 6:23, มธ.1:5) ... เพราะพระเจ้าไม่ได้สนพระทัยอดีตของเรามากเท่ากับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของเราว่า นับจากนี้เราจะใช้ชีวิตต่อไปเพื่อพระองค์อย่างไร?

อย่าลืม "...จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย" (คส.3:13) และ "ความรักย่อมไม่ช่างจดจำความผิด" เหมือนที่เราก็ไม่อยากจำเรื่องไม่ดีของตัวเองบางเรื่องเช่นกัน (1คร.13:4-7)

ฉะนั้น...จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เพราะการกระทำเช่นนั้นจะทำให้โลกรู้ว่าเราเป็นสาวกที่แท้จริงของพระเจ้าของเรา (ยน.13:34-35, 1ยน.4:12) เอเมน

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การเผชิญหน้าในสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้

"ข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระยาห์เวห์จากความคับแค้นใจ พระยาห์เวห์ทรงตอบข้าพเจ้าโดยประทานความโล่งใจให้ พระยาห์เวห์ทรงอยู่ฝ่ายข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า? พระยาห์เวห์ทรงอยู่ฝ่ายข้าพเจ้าเพื่อช่วยข้าพเจ้า ... เข้าลี้ภัยในพระยาห์เวห์ ก็ดีกว่าวางใจในมนุษย์"
(สดด.118:5-8)

การเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ เป็นโอกาสทำให้เราได้พึ่งพาพระเจ้ามากขึ้น!

แม้อะไรๆรอบข้างจะไม่ดี แต่พระเจ้าทรงแสนดี ... แม้สถานการณ์ตรงหน้าจะเป็นเช่นไร? เราเชื่อ ... แม้จะต้องมีความทุกข์ใจหลายอย่าง แต่พระเจ้าทรงช่วยกู้เราออกมาให้พ้นหมด (สดด.34:19)

บางครั้ง ... ดูเหมือนจะ 'แย่' จนไม่มีแม้แต่คำอธิษฐาน ... กลับชื่นใจเพราะในยามนั้น "พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ" (รม.8:26)

บางครั้ง ... 'ขา' มันหมดแรง แม้แต่จะลุกขึ้นยืน ... ขอบพระคุณที่ยังมี 'หัวเข่า' ที่คุกลงที่จะอธิษฐาน เพราะรู้ว่ากำลังใหม่มาจากที่นั่น   "พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงใหม่" (อสย.40:29)

บางครั้ง ... น้ำตามันก็ไหลออกมาเอาดื้อๆ หรือเพราะ 'ใจ' มันหมดแรง มันอ่อนแอ อยากจะหนีไปให้ไกลๆเหมือนเอลียาห์ (1พกษ.19:3-4) อยากจะตายเหมือนโมเสส (กดว.10:15) เพราะชีวิตมันน่าเบื่ออย่างที่โยบกล่าว (โยบ 7:16, 10:1) ... แต่พระองค์ตรัสตอบว่า "การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น" (2คร.12:9) ... ทำให้มีความหวัง และเชื่อว่าอีกไม่นานก็ผ่าน และ "พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเรา" (วว.21:4)

บางครั้ง ... ก็ไม่เข้าใจแผนงานของพระเจ้า รู้ว่า 'ดี' แต่บางทีก็ 'งงๆ' แต่พระสัญญาว่า "ทุกคนที่วางใจในพระองค์จะไม่พินาศ" (ยน.3:16) และ "ทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย ... และประทานอย่างบริบูรณ์แก่ทุกคนที่ทูลขอต่อพระองค์" (รม.10:11-12) ฉะนั้น ทำได้แค่ 'เชื่อ' แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ 'ยิ่งใหญ่'  ที่ได้เปลี่ยนจาก 'ปัญหา' กลายเป็น 'พระพร' จากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (ลก.1:37, รม.4:17, ฮบ.10:35) ทำให้รู้ว่า 'ไม่ต้องมีเหตุผล' หากจะเชื่อ อย่าเห็นแล้วค่อยเชื่อ แต่จงเชื่อแล้วจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (ยน.11:40, 20:29)

บางครั้ง ... เหมือนทางจะ 'ตัน' แต่เราไม่กลัว เพราะพระเจ้าทรงแหวกทะเลได้ (อพย.14:21-22)
บางครั้ง ... เหมือนจะยิ่ง 'จม' ในทะเลแห่งความทุกข์ เราก็ไม่กลัว เพราะพระเจ้าของเราดำเนินบนน้ำได้ (มธ.14:25)
บางครั้ง ... ก็สงสัยว่าทำไม 'พระเจ้าที่ทรงแสนดี จึงให้เราเจอแต่ปัญหา และก็ปัญหาอยู่เรื่อยๆ' แต่เมื่อได้ทบทวนชีวิต ... ไม่มีปัญหา ก็ไม่ได้เข้าใกล้พระเจ้า ไม่มีวิกฤต เราคงไม่ได้พึ่งพาพระองค์ และเราคงไม่แข็งแกร่งขึ้น จนเป็นคนที่พระองค์ทรงใช้การได้แน่นอน (รม.5:1-5, ยก.1:2-4, 12)

ฉะนั้น ... วันนี้ ขออธิษฐานเช่นพระเยซูคริสต์ว่า "ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์ทรงให้พระนามของพระองค์รับพระเกียรติ" (ยน.12:28) ให้ความทุกข์ของเราในวันนี้ ... ทำให้เราสรรเสริญพระเจ้าได้ เพื่อเราจะอวดถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ว่าโดยพระเจ้าเราเผชิญทุกสิ่งได้ และเพื่อพระเจ้า เราจะขอบพระคุณในทุกกรณี (ฟป.4:13, 1ธส.5:18) ... เราจึงไม่กลัว เพราะพระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่

ปัญหา อาจจะกดดันเราให้ย่อต่ำลง เพื่อจะคุกเข่าอธิษฐาน มิใช่เพื่อจะทำร้ายเรา
ปัญหา อาจจะทำให้เราพูดไม่ออก ก็เพื่อเราจะพูดแต่ "สรรเสริญพระเจ้า" เท่านั้น (สดด.103:1-2)
ปัญหา อาจจะทำให้เราโดดเดี่ยว เหลือแต่ตัวเองลำพัง ก็เพื่อเราจะได้รู้ว่า เพียงแค่ 'มี' พระเจ้าเท่านั้นก็เพียงพอแล้วจริงๆ

"ขอประทานความช่วยเหลือแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อต่อต้านศัตรู เพราะความช่วยเหลือของมนุษย์ก็ไร้ผล โดยพึ่งพระเจ้า เราจะสู้อย่างเข้มแข็ง พระองค์ทรงเป็นผู้เหยียบศัตรูของเราลง" (สดด.60:11-12)

ฉะนั้น จงขอบคุณ 'ปัญหา' ที่ทำให้เราได้มี 'สิ่งดีๆ' จากพระเจ้าจริงๆ

Ps.เนตรศักดิ์  ใสรังกา

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อย่ากลัวเลย

"พระหัตถ์พระเจ้ามิได้สั้นที่จะช่วยเราให้รอดไม่ได้ บัดนี้เราจะเห็นว่าคำของพระเจ้าจะสำเร็จเพื่อเราจริงหรือไม่?" (กดว.11:23)

เพราะไม่มีสิ่งใดยากเกินที่พระเจ้าจะทรงทำให้สำเร็จไม่ได้ (มธ.19:26) ... สาธุการพระเจ้า!

ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้...เราจะมองว่ามันใหญ่มาก หรือพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่า?

สิ่งสำคัญไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น หรือจะจำนวนเท่าไรที่ขาด! จะกี่ร้อย กี่พัน กี่หมื่น กี่แสน กี่ล้าน หรือจะกี่สิบล้าน กี่ร้อยล้าน หรือแม้จะกี่พันล้าน ... มันก็แค่ตัวเลขเท่านั้น เพราะ"เงินและทองทั้งสิ้น" ล้วนเป็นของพระเจ้าของเรา (ฮกก.2:8) ฉะนั้นวันนี้...สิ่งที่สำคัญกว่า คือ ความเชื่อ ความไว้วางใจในพระเจ้าของเรา จำนวนตัวเลขจะเท่าไรที่เรามีในมือ ณ เวลานี้ ความเชื่อเป็นเหมือนโล่ที่จะดับลูกศรเพลิงแห่งมารซาตาน (อฟ.6:16) ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความสงสัย ความวิตกกังวล ความน้อยอกน้อยใจ ความสับสนวุ่นวายใจ หรืออะไรๆที่ลบๆ ก็ตาม!

สรรเสริญพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงแสนดี ... คนไม่เชื่อเขาเลือกวางใจในสิ่งที่ไม่ใช่พระเจ้า ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในมนุษย์ และในกำลังของตนเอง แต่เราที่เชื่อ ผู้ได้ถูกเรียกชื่อใหม่ตามพระนามของพระองค์ เราควรยิ่งต้องเอาใจทั้งดวงมาวางไว้ที่พระเจ้าของเรา
"ความช่วยเหลือของเราอยู่ในพระนามของพระยาห์เวห์ ผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก" (สดด.124:8)

อย่ากลัว หรืออย่าขยาด เพราะสิ่งเหล่านี้มิได้มาจากพระเจ้า แต่สิ่งที่พระเจ้าทรงประทาน คือ จิตใจที่กอปรด้วยฤทธิ์แห่งความรักและการรู้จักบังคับตน (2ทธ.1:7) และรางวัลของคนที่วางใจในพระเจ้า คือ ชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (ฟป.3:14) และพระเจ้าทรงสัญญาว่า "ทุกคนที่วางใจในพระเจ้า เขาจะไม่พินาศ แต่จะได้รับชีวิตนิรันดร์" (ยน.3:16)

ไม่ว่าวันนี้...ผลจะออกมาอย่างไร ... จงวางใจ เพราะพระเจ้าทรงฤทธานุภาพไม่จำกัด ฉะนั้น อย่าคาดเดาแต่จงคาดหวัง อย่าจำกัดพระเจ้าด้วยความคิดที่จำกัดของเรา อย่าสงสัย
"จงขอด้วยความเชื่อและไม่สงสัย เพราะว่าคนที่สงสัยนั้นเป็นเหมือนคลื่นในทะเลที่ถูกลมพัดซัดไปมา คนๆนั้นจงอย่าคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้า" (ยก.1:6-7) อย่ามัวระแวง วิตกกังวล กลัวในปัญหา จงวางใจและควบคุมบังคับตนเองให้อย่าทำบาปต่อพระเจ้า ด้วยการไม่ไว้วางใจในพระองค์ (1ซมอ.12:23, รม.14:23) จงอธิษฐานแล้วพระเจ้าจะทรงพลิกสถานการณ์ อย่าลืมสิ พระเจ้าของเราทรงยิ่งใหญ่มาก "เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้" (ลก.1:37)

"พระองค์จะสนพระทัยในคำอธิษฐานของคนสิ้นเนื้อประดาตัว และจะไม่ทรงดูหมิ่นคำอธิษฐานของพวกเขา" (สดด.102:17)
"คนยากจนคนนี้ร้องทูล และพระยาห์เวห์ทรงฟัง และทรงช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้น" (สดด.34:6)

วันนี้...เราสำนึกว่า เราจำกัด และที่เรามีอยู่ในขณะนี้นั้นมันไม่พอ [มันมีน้อยเหลือเกิน] เราจึงเข้ามาหาพระเจ้าผู้เป็นแหล่งแห่งความอุดมสมบูรณ์พูนสุขที่แท้จริง ผู้ทรงสามารถเรียกสิ่งซึ่งไม่มีให้มีอยู่จริง (รม.4:17) และเมื่อเราขอ เราจึงพูดอย่างคนบ้า แต่กล่าวด้วยความเชื่อแม้จะยังไม่เห็นว่า "เราได้รับแล้ว และได้รับอย่างเหลือเฟือด้วย" (2คร.9:8)

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

มั่นใจในสิ่งที่หวังไว้

"มนุษย์มองเห็นสิ่งที่เราทำ ได้ยินสิ่งที่ปากเราพูด แต่พระเจ้าทรงสามารถมองเห็นสิ่งที่เราคิด และได้ยินเสียงจากหัวใจลึกๆภายในของเรา"

สรรเสริญพระเจ้า...อีก 1 วันที่เดินกับพระเจ้า เราไม่สามารถรู้อะไรได้เลยว่าวันนี้จะจบลงอย่างไร และพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร? แต่เราก็สามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ว่า ...;
"ดูเถิด พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่เหนือผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เหนือผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อจะทรงช่วยกู้เขาให้พ้นจากความตาย และเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในยามขาดแคลนอาหาร" (สดด.33:18-19)

เรามั่นใจได้ว่า พระเจ้าผู้ทรงแสนดีจะทรงทำแต่สิ่งที่ดีๆแก่เราทั้งหลายที่เชื่อในพระนามของพระองค์ แต่หลายๆครั้งทำไมเรายังตกอยู่ในความกลัว ความกังวล สับสน วุ่นวาย เพราะเราเลือกที่จะละสายตาไปจากพระเจ้าแล้วหันไปจ้องมองที่ปัญหา หรือสถานการณ์ที่เราเจอ จนเราลืมแล้วว่า "พระเจ้าที่ทรงอยู่ในเรานั้น ทรงเป็นใหญ่กว่าทุกๆสิ่งที่อยู่ในโลก" (1ยน.4:4)

อย่าลืม...ตราบใดที่เปโตรจ้องแต่พระเยซู เท้าของเขาก็เดินบนน้ำอย่างสบายๆท่ามกลางพายุได้ แต่เมื่อไรเขาหันไปมองคลื่นพายุที่หูเขาได้ยิน ... เขาก็จะจมลงในความกลัวทันที ไม่อยากจมในความทุกข์ ไม่อยากจะพินาศจงวางใจและเพ่งที่พระเยซูแล้วก้าวต่อไป แล้วเราจะได้รับทั้งชีวิตนิรันดร์จากพระองค์อีกด้วย และบางทีอาจจะต้องหัด "หูหนวก" บ้างกับบางเรื่อง [ที่รู้ว่ารู้แล้วจะทำร้ายจิตใจเราเอง] เพราะหลายครั้งเราทุกข์เพราะเรื่องที่ได้ยิน แต่ความรักของพระเจ้านั้นไม่เคยทำร้ายเรา เพราะ "ความรักกระทำคุณให้" (1คร.13:4) ฉะนั้น อะไรๆที่จะไม่เป็นคุณใดๆแก่เราก็อย่ายอมรับให้มันเข้ามาในใจของเรา ...!

ฉะนั้น...มาร มันพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะหลอกลวงเรา เพราะมันเป็นบิดาของการมุสา มันพยายามโกหกเราว่า สิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้นนี้มาจากพระเจ้า ... ไม่เลยพระเจ้าทรงรักเราดั่งแก้วพระเนตรของพระองค์ และเป้าหมายของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรานั้นเพื่อสวัสดิภาพไม่ใช่เพื่อทุกขภาพ เพื่อจะให้อนาคตที่เต็มไปด้วยความหวังใจแก่เรา (ยน.8:44, ฉธบ.32:10, ยรม.29:11)

เพราะ..."พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนได้กลับใจใหม่" (2ปต.3:9)
และ ..."เพราะพระองค์มิได้ตั้งพระทัยทำให้ผู้ใดทุกข์ใจ หรือทำให้มนุษย์โศกเศร้า" (พคค.3:33) แต่ทรงให้ปัญหาเกิดขึ้นเพื่อสร้างเราให้อดทน และเป็นคนที่ใช้การได้ดี ... เพราะชีวิตในโลก คือ ชีวิตที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เพื่อเราจะได้รับรางวัลในแผ่นดินของพระเจ้า คือ มงกุฏแห่งชีวิตที่ทรงเตรียมไว้เพื่อคนที่เหมาะสม (รม.5:1-5, 1คร.9:25, 2ทธ.4:7-8, ยก.1:12) ... และวันนี้เราเหมาะสมที่จะได้รับรึยัง? หากยัง จงอดทน อย่าท้อกับสิ่งที่เกิดขึ้น นึกถึงรางวัลที่เราจะได้รับจากพระหัตถ์พระเจ้า แล้วยิ้มๆๆๆๆ นะ!

และข่าวประเสริฐแรกของพระเยซูคริสต์ที่ทรงประกาศในโลก คือ "จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว" (มธ.4:17) นั้นหมายถึงให้เราเลิกหันไปมองแต่ปัญหา แต่ให้หันมาจดจ่อมองที่พระเจ้าผู้ทรงแสนดี เฝ้าระวังความคิดที่จะยึดพระเจ้าและรักษาความเชื่อไว้ในพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (รม.4:17) เหมือนเช่นที่พระองค์ทรงสามารถนำสวรรค์มาใกล้ๆเราอย่างไรละ...!

ระวัง "...ความคิดของท่านทั้งหลายก็จะถูกทำให้หลงไปจากความซื่อ และความบริสุทธิ์ต่อพระคริสต์อย่างนั้น" (2คร.11:3)

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา