วันเสาร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เบื่อหน่ายหรือคิดว่ากำลังถูกทอดทิ้ง

เมื่อไร...ก็ตามที่ความเบื่อหน่ายได้คืบคลานเข้ามาสู่หัวใจของเรา เราจะทำอย่างไรดีนะ...?

ทั้งๆที่พระวจนะบอกเราว่า ... "จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด" (ฟป.4:4)

ในบางเวลาก็ยากนะ...ที่เราจะสามารถชื่นชมยินดีได้ในทุกเวลา และที่เราทำไม่ได้นั้นเพราะเราเองนั้นละที่เลือกจะละสายตาจากพระคริสต์ไปสนใจมองสิ่งอื่นๆแทนพระองค์ ทั้งๆที่หลายๆครั้งปากของเรามักบอกใครๆว่า...เราเชื่อ เรารัก เรามีพระเจ้าองค์เดียว เรารู้ดี...ว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงไร ... และแน่นอนพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และทรงครอบครองเหนือทุกสรรพสิ่ง (อสย.66:1) แต่มีพื้นที่เดียวที่พระองค์ทรงปรารถนาอยากจะครอบครองอย่างแท้จริง นั้นคือจิตใจของมนุษย์ทุกคน(สภษ.23:26)

"แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน และพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้" (มธ.6:33)

เป็นสิ่งเดียวที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้ลูกๆของพระเจ้าทำ คือ แสวงหาที่จะได้อยู่กับพระเจ้า และมิใช่เพียงได้อยู่ด้วยเท่านั้น แต่การเข้ามายอมจำนนให้พระคริสต์ทรงครอบครองเหนือชีวิตของเราทั้งสิ้น ให้พระองค์ทรงเป็นใหญ่กว่าใจของเราตลอด 60 นาทีใน 1 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงใน 1 วัน 7 วันใน 1 สัปดาห์ 365 วันใน 1 ปี หรือยิ่งกว่าเซเว่นอีเลเว่นนั้นเอง

ซาตานมันต้องการบางพื้นที่ในความคิดของเรา เพื่อจะชักนำเราให้ไม่เชื่อฟังพระองค์ สงสัยและเลิกไว้วางใจในพระเจ้า เช่น เอวาในสวนเอเดน เพราะว่างมากเลยเบื่อ เลยแทนที่จะไปที่อื่นๆกลับชอบมาอยู่ใกล้ๆกับต้นไม้ต้องห้าม ผลสุดท้ายเอวาเลยถูกซาตานล่อลวงให้ทำบาปต่อพระเจ้านั้นเอง (ปฐก.3:1-7)

ฉะนั้น...ระวังอย่าว่างมากจนเบื่อและเลยแอบกระแซะๆไปใกล้ๆกับความบาป โดยเลือกจะหันไปสนใจสิ่งอื่นและเลือกจะทำสิ่งที่ถูกใจตัวเองมากกว่าสิ่งที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นเอง! ระวัง...ผลลัพธ์ก็จะเหมือนอาดัมและเอวาที่ได้รับ เมื่อแอบทำสิ่งผิดก็จะเลือกหลบซ่อนปกปิดและก็จะถอยห่างออกจากพระเจ้าต่อไปอย่างไรละ!? (ปฐก.3:8)

ทั้งนี้...จงเริ่มต้นให้เราที่จะรักพระเจ้าให้เต็มทุกพื้นที่ในหัวใจของเราเสียก่อน เมื่อเรารักพระเจ้าอย่างสิ้นสุดจิต สิ้นสุดใจ สิ้นสุดกำลังชีวิตของเรา ก็ไม่มีสิ่งใดจะสำคัญกว่าการที่เราได้เข้ามาอยู่ใกล้ๆแทบพระบาทพระคริสต์ เช่น มารีย์ มักดารา ที่เธอได้เลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดคือได้อยู่กับพระเจ้านั้นเอง ไม่ต้องสาละวนกับสิ่งอยากจะทำมากมายในโลกนี้ เช่น มารธา... ชีวิตวุ่นวายมาก เพราะมีสิ่งที่อยากจะทำเย่อะ จนลืมสิ่งจำเป็นที่ควรจะทำ (ฉธบ.6:5, ลก.10:39-42)

และผู้ที่เป็นสุขแท้นั้นเริ่มต้นที่เขาคนนั้นหิวกระหายฝ่ายวิญญาณ เขารู้สึกต้องการพระเจ้าจริงๆเหมือน "กวางกระเสือกกระสนหาธารน้ำฉันใด ข้าแต่พระเจ้า จิตใจของข้าพระองค์ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น" (สดด.42:1) เพราะ 1 วันที่ได้อยู่ในพระนิเวศน์พระเจ้าเพื่อจะชื่นชมความงดงามแห่งพระสิริของพระองค์นั้นมันดีและมีค่ามากยิ่งกว่าการได้ไปอยู่ที่ใดๆในโลกนี้นับพันวันเลยทีเดียว (สดด.27:4) และแผ่นดินสวรรค์ก็เป็นของเขาแล้วจริงๆ(มธ.5:3)
"ขอให้ทุกคนที่แสวงหาพระองค์ปีติและยินดีในพระองค์ ขอให้บรรดาผู้ที่รักการช่วยกู้ของพระองค์กล่าวเสมอว่า 'พระเจ้ายิ่งใหญ่'" (สดด.70:4)

ฉะนั้น...ความเบื่อหน่ายทั้งสิ้นเป็นเครื่องสัญญาณที่พระเจ้าทรงส่งมาเตือนสติเราว่า เรากำลังละสายตาของเราจากพระเจ้าแล้ว และเรากำลังนอกใจพระเจ้าที่เราบอกว่า "รัก" แล้ว เพราะนี้เป็นท่าทีของการไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า หากว่าเราหันไปสนใจสิ่งอื่นมากกว่าพระเจ้า สิ่งนั้นก็จะเป็นรูปเคารพของเราและเราก็ได้นอกใจพระเจ้าเสียแล้วละ!

และหากสิ่งใดมามีอิทธิพลเหนือใจของเรามากกว่าพระเจ้า ... เราก็จะพรากจากความชื่นชมยินดี แล้วเมื่อไรเราจะส่องสว่างพระคริสต์ในโลกนี้เสียทีละ
"ให้ดวงตาของเจ้าเพ่งมองไปเบื้องหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า" (สภษ.4:25)
ไม่สำคัญว่าวันวาน และวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น อย่าลืมว่า...เรายังมี "พรุ่งนี้" ที่รอคอยให้เราได้ก้าวเดินไปหาเสมอนะ และพระเจ้าทรงรอเราอยู่ที่นั้นแล้วจริงๆ

ระวัง...เมื่อไรที่เราเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย อย่านั่งเซงๆใต้ต้นซากเช่นเอลียาห์ เพราะนั้นจะทำให้เรามองไม่เห็นใครๆนอกจากเห็นแต่ตัวเอง แล้วเราจะอยากตายหรือไม่อยากจะทำอะไรเลย จนอาจเผลอคิดว่า...เราไม่มีใครแล้ว ทำดีต่อไปก็ไร้ค่า งั้นหันไปทำสิ่งที่อยากจะทำเลยละกัน (1พกษ.19:1-10) เพราะความชื่นชมยินดีหายไป ... ทีนี้เราก็จะเขยิบออกห่างพระเจ้า แต่เข้าไปกระแซะๆใกล้ๆมารแทน แล้วอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ คิดเอาเองนะครับ!?

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น