วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ความสุขที่แท้

"ข้าพเจ้าวางแบบอย่างให้ท่านแล้วในทุกเรื่อง เพื่อให้เห็นว่าโดยการตรากตรำงานแบบเดียวกันนี้ เราต้องช่วยพวกที่มีกำลังน้อยและระลึกถึงพระวจนะของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า ตามที่พระองค์ตรัสว่า 'การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ'"
(กจ.20:35)

มิใช่เพราะ ... 'แกแล้ว' หรือ 'ไร้ความสามารถ' หรือ 'ไม่มีเวลา' หรือ 'มีไม่มากพอ' หรือ 'สุขภาพไม่ดี' หรือเพราะอะไรๆ ... ที่เราเอามาเป็นเหตุผลที่จะไม่รับใช้ [แท้ที่จริงล้วนเป็น 'ข้ออ้าง' ทั้งสิ้น] ... จริงๆแล้วที่เราไม่ทำ ที่เราให้ไม่ได้ ... มิใช่เพราะ 'มีน้อย' หรือ 'ไม่มี' แต่เพราะ 'ใจ' เรายังรักพระเจ้า และมีความเชื่อไม่มากพอต่างหากละ! (มก.9:19, ฮบ.13:5)

ทุกสิ่ง ... ขึ้นอยู่ที่ 'ใจ' หากมี 'ใจ' ก็มี 'หนทาง' ที่จะสามารถทำได้ เพราะว่าการรับใช้ คือ 'การให้' อย่างพระเจ้าทรงประทานพระบุตรองค์เดียวอย่างไม่นึกเสียดายเพื่อเราทุกคน (รม.8:32) เพราะเหตุผลเดียว คือ 'รัก' มากกว่าที่จะทนเห็นเราต้องพินาศ

หากไม่มี 'ใจ' อะไรๆก็เป็น 'ภาระ' ทั้งหมด
แต่หากว่ามี 'ใจ' อะไรๆก็เป็น 'พระพร' ทั้งสิ้น

"อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว" (รม.13:8)

"แต่ถ้าใครมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสนแล้วยังไม่เปิดใจช่วยเขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในคนนั้นได้อย่างไร?" (1ยน.3:17)

"อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า 'ไปเถอะ แล้วค่อยมาใหม่ พรุ่งนี้ฉันจะให้' ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว" (สภษ.3:28)

เพราะว่าธรรมะของพระเจ้า คือ ความเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น (ยก.1:27) "เขาใจกว้างและให้ยืมเสมอ และพงศ์พันธุ์ของเขาก็เป็นพระพร" (สดด.37:26) คนขับผีได้ คนพูดภาษาแปลกๆได้ หรือคนทำการอิทธิฤทธิ์ต่างๆได้ หรือแม้แต่นักเทศน์ ศิษยาภิบาล นักประกาศ ผู้นำนมัสการ หรือคณะกรรมการคริสตจักร ... ตำแหน่งๆใดในคริสตจักรไม่ใช่สิ่งการันตีว่าเราจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าเลย หากแต่ผู้มีใจเมตตาอย่างพระเจ้าต่อผู้อื่นต่างหากละ ถึงจะได้เข้าในแผ่นดินของพระเจ้า (มธ.7:21-23, 25:34-40)

สุดท้ายแล้ว ... มนุษย์ทุกคนก็มี 'ความเห็นแก่ตัว' กันทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวของผู้รับใช้เอง เหตุนี้อ.เปาโลกล่าวว่าอุปนิสัยของคนในวาระสุดท้ายสิ่งแรกเลยคือ 'ความเห็นแก่ตัว' (2ทธ.3:2)

เราเทศนาเรื่อง 'ความเชื่อ' ... แต่กลับทำสิ่งที่ตรงข้าม เราคำนึงถึง 'ความพอและไม่พอ' ของเราเองก่อนที่จะแบ่งปัน
ใช่ ... ทุกๆคนต่างเป็น 'ผู้ให้' ได้ดีอย่างพระคริสต์ แต่น้อยคนที่จะเป็น 'ผู้เสียสละ' ยินดีให้ในสิ่งที่ 'จำเป็น' ของตนเอง หากสิ่งนั้นมันจำเป็นต่อคนอื่น (มก.10:29)

พระเจ้า ... ผู้ทรงเป็นตรีเอกานุภาพทั้งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณฯ ได้ทรงเสียสละพระบุตรองค์เดียวจากสวรรค์มาเพื่อเรา ... ทำให้สวรรค์ว่างเปล่าไม่มีพระบุตร ก็เพื่อเรา ที่ทรงทำเช่นนั้นก็เพราะ 'รัก' คำเดียว จึงไม่มี 'ข้ออ้าง' อะไรที่จะทำไม่ได้ หรือจะให้ไม่ได้

พระเจ้า ... ไม่ทรงชอบ 'ความว่างเปล่า' เพราะจักรวาลว่างเปล่าพระองค์จึงได้เนรมิตสร้างสิ่งต่างๆให้เต็มทั่วจักรวาล ... และเพราะเรือของเปโตรที่ว่างเปล่า เมื่อมีพระเยซูคริสต์ก็มีปลาเต็มลำเรือจนล้นไปสู่เรือของคนอื่นด้วย (ลก.5:1-7)

แท้จริงแล้ว ... การเสียสละ คือ การยอมให้ในสิ่งที่จำเป็นของเราแก่ผู้อื่น เพื่อให้มีพื้นที่ว่างเปล่า แล้วรอคอยพระเจ้าที่จะเข้ามาเติมให้เต็มล้น เพราะ "จงให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับด้วยแบบยัดสั่นแน่นพูนล้นเต็มหน้าตักของท่าน เพราะว่าเมื่อท่านตวงให้เขาเท่าไร ท่านก็จะได้รับการตวงกลับคืนไปเท่านั้นเช่นกัน" (ลก.6:38) แล้วอย่ากังวล "...พระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้" (มธ.6:32)

เมื่อสวรรค์ว่างเปล่า ... ก็เพื่อจะมีพื้นที่ให้คุณและผมที่จะเข้ามาเติมให้เต็ม เพราะ "ในพระนิเวศของพระบิดา ... มีที่อยู่มากมายที่พระเยซูทรงเตรียมไว้รอสำหรับเรา" (ยน.14:2) ฉะนั้น ... จงทำให้คริสต์มาสสมบูรณ์ด้วยการให้ และมากกว่าการได้ให้คือการได้เสียสละเพื่อพระเจ้าและแผ่นดินของพระเจ้า อย่ากังวลว่าจะพอหรือไม่พอ ... เพราะทุกสิ่งเป็นของพระเจ้า และพระเจ้าทรงเป็นเจ้าของเงินและทอง หากแค่มี 'ใจ' อะไรๆก็เป็นพระพรที่มือของเราจะยื่นออกไปให้ เมื่อไรที่มือเราว่างเปล่า พระเจ้าจะทรงเติมให้เต็มล้นเพื่อให้เรามีเหลือเฟื่อเพื่อการดีและการแจกจ่ายต่อไป ... แล้วมือของเราจะช่วยผู้ที่มีกำลังน้อยได้สามารถทำสิ่งที่ประสงค์จะทำให้สำเร็จได้ (2คร.9:6-10)

นี่ละ ... ความสุขที่แท้จริง เพราะ "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขมากยิ่งกว่าการได้รับ" ... "อย่าละเลยที่จะทำความดี และแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า" (ฮบ.13:16)

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น