วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เราไม่โดดเดี่ยว

ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ เราวางใจ เรามั่นใจได้ว่าเราไม่เคยโดดเดี่ยว ไปเพียงลำพัง เพราะเราเชื่อว่า...พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราเสมอ...!

ฉะนั้นในวันนี้ จงยิ้มด้วยความชื่นบาน เพราะเราเชื่อว่า ... "ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา จะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องยินดี ผู้ที่ร้องไห้ออกไป โดยหอบเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องยินดี โดยหอบฟ่อนข้าวมาด้วย" (สดด.126:5-6)

นับจากวันแรกที่เราได้รู้จักพระองค์ จนกระทั่ง ณ วันนี้ เมื่อเราได้รักพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ เราจะพบว่าสิ่งเดียวที่เราปรารถนาคือการได้พบและอยู่กับพระองค์เช่นมารีย์ที่นั่งแทบพระบาทพระเยซูคริสต์ เพื่อจะได้ฟังเสียงพระองค์ แล้วพระองค์จะตรัสว่า "สิ่งที่จำเป็นนั้นมีเพียงสิ่งเดียวและมารีย์ก็เลือกเอาส่วนดีนั้น ใครจะชิงเอาไปจากเธอไม่ได้" (ลก.10:42)

ใจที่ปรารถนาพระคริสต์เป็นการหลอมใจเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เป็นใจเดียวกันเพราะพระองค์ก็ทรงอยากพบเรา และอยากสามัคคีธรรมพูดคุยกับเราด้วยเช่นกัน

แล้วเราจะได้ยินเสียงของพระเจ้าว่า "เราปลดภาระจากบ่าของเขา เราให้มือของเขาพ้นจากการยกของหนัก เมื่อทุกข์ใจเจ้าเรียก เราก็ช่วยกู้เจ้า เราตอบเจ้าในที่ลับลี้ของฟ้าร้อง ..." (สดด.81:6-7)

อยากได้ยินเสียงแห่งความรักและความห่วงใยของพระเจ้า เพื่อเราจะมีความเชื่อพอที่จะละทุกความวิตกกังวลไว้ที่พระองค์ได้ ก็จงมีใจเดียวกันกับพระเจ้าที่จะเข้ามาพบพระองค์ ... อย่าให้ใจที่มัวแต่เสียดายสิ่งใดๆ นั้นมาขวางกั้นเรา หรือหน่วงเราไว้ไม่ให้ไปพบพระองค์ แล้วเราจะพบว่า "แม้ไม่เหลืออะไร หรือไม่มีใครเลยสักคนเคียงข้าง แต่เพียงแค่มีพระเจ้าองค์เดียวก็เพียงพอแล้วจริงๆ"

ฉะนั้นจงระวังอย่าให้เรื่องสำคัญใดๆของเรามาแย่งชิงเวลาในเรื่องที่สำคัญกว่า คือ การได้เข้ามาอยู่ในเวลาของพระเจ้าที่ทรงรักเราจริงๆ

สิ่งสำคัญมักเป็นอุปสรรคของสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ

พระเจ้าอวยพระพรครับ
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559

มองเห็นในส่วนดี

"...จงไปตามมาระโกและพาเขามาด้วย เพราะเขาเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าในพันธกิจ"
(2ทิโมธี 4:11)

มาระโก ... คนหนุ่ม นิสัยเด็ก และเขาเคยทิ้งเปาโลและบารนาบัสไว้กลางทางระหว่างที่เผชิญกับความยากลำบากเมื่อทำพันธกิจที่แคว้นปัมฟีเลีย (กจ.15:38)

หลายครั้ง ... ที่เราอธิษฐานว่า "ขอพระเจ้าทรงเพิ่มพูนความรัก" เพราะเรารู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นความรัก (1ยน.4:8) ... ความรักจะเพิ่มพูนขึ้นในใจเราได้อย่างไร ... หากเราไม่เคยจะ "อดทน" กับใครบางคน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรักมนุษย์ที่มองเห็น [ด้วยตา] และเราจะสามารถรักพระเจ้าที่มองไม่เห็นได้ [ด้วยตา]

"ถ้าใครกล่าวว่า 'ข้าพเจ้ารักพระเจ้า' แต่ใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน เขายังเป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่มองเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่ได้" (1ยน.4:20) และ "ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด" (1ยน.2:10)

แม้เปาโลจะเข้มแข็งในการรับใช้ ... แต่บางทีก็เป็นคนใจแคบ และขี้ใจน้อย เมื่อถูกมาระโกทิ้งระหว่างทางการรับใช้เพราะความยากลำบาก ... เขาเก็บไว้ในความทรงจำ และต่อมาก็ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับบารนาบัส เพราะในการเดินทางรับใช้ครั้งใหม่ บารนาบัสจะเอามาระโกไปด้วย (กจ.15:38-39) ... ไม่มีใครที่เป็นคนที่ดีพร้อมและสมบูรณ์แบบจริงๆ

ฉะนั้น ... อย่ามองหา "ผู้รับใช้ที่ดีสมบูรณ์แบบ" เพราะไม่มีทางจะหาเจอ แม้ว่าเขาผู้นั้นจะเทศนาฟื้นฟูดีป่านใด ขับผีได้ รักษาโรคได้และทำการอัศจรรย์มากมาย [จริงๆแล้วพระเจ้าทรงทำการเหล่านั้นผ่านผู้รับใช้เหล่านั้น] ... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า "เขาเป็นคนสมบูรณ์แบบดีเยี่ยม" เขาทุกคนต่างอยู่ระหว่างการ "ถูกกำลังสร้าง" จากพระเจ้า

จงเปิดตา [ใจ...ฝ่ายวิญญาณ] มองผ่านเลนส์ความรักของพระเจ้า มองให้เห็นความดีของเขา ... เพราะพระเจ้าทรงรักเขาไม่น้อยกว่าเรา และทรงรักเราไม่มากไปกว่าเขา ทุกคนคือ "คนสำคัญ" ในสายพระเนตรของพระเจ้า ทรงมีแผนงานที่ดีสำหรับแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะเราล้วนเกิดจากพระเจ้า และอยู่เพื่อพระเจ้าเช่นกัน!

อย่ายอมให้ "การกระทำ" หรือ "คำพูด" ที่แย่ๆของเขามาทำลายความสัมพันธ์ของเรา ... จงรักเขาอย่างพระเจ้ารัก คือ รักเขาอย่างที่เขาเป็น แต่จะไม่ยอมให้บางอย่างที่เขาทำ หรือสิ่งที่เขาพูดมาทำลายความรักของเราต่อเขา ... หากเราไม่รักเขา นั้นก็แสดงว่า เราอยู่ในความมืด และเราก็ไม่ได้รักพระเจ้า!

ไม่มีใครดีพอสำหรับเราที่พระเจ้าทรงสร้าง ... แต่ทุกคนพอดีสำหรับเราที่พระเจ้าทรงประทานให้ มองทุกคนเป็นของขวัญ มิใช่เป็นของชำรวยเอาไว้โชว์ ... พระเจ้ารักเราอย่างไร ก็จงรักเขาอย่างนั้นด้วย!

"คนที่เกลียดผู้อื่น ก็กลบเกลื่อนด้วยวาจา และเก็บการหลอกลวงไว้ภายใน เมื่อน้ำเสียงเขาเหมือนมีเมตตาจิต ก็อย่าเชื่อเขา เพราะมีสิ่งน่าเกลียดน่าชังร้อยแปดในใจเขา" (สภษ.26:24-25)

"โอ พวกชาติงูร้าย ท่านทั้งหลายเป็นคนชั่วและจะพูดความดีได้อย่างไร? ด้วยว่าปากนั้นพูดสิ่งที่มาจากใจ คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอามาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา" (มธ.12:34-35)

พระเจ้าทรงส่งคนๆหนึ่งมาเพื่อให้เรารัก ... และบททดสอบความรัก คือ การให้อภัย ... อดทนกับเขาอย่างที่พระเจ้าทรงอดทนกับเรา แม้วันนี้เขาดูแย่มากๆ ทิ้งเรา และไร้ประโยชน์ใดๆ แต่วันหนึ่ง ... เขาจะเป็นดัง "มาระโก ... จงไปตามมาระโกและพาเขามาด้วย เพราะเขาเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าในพันธกิจ" [คำพูดของเปาโล ที่ครั้งหนึ่ง เขาต่อต้าน และยอมแตกหัก ไม่ร่วมทางกับบารนาบัสที่จะมีมาระโกไปด้วยเมื่อวันนั้น ... แต่ ณ วันนี้ มาระโก กลับเป็นพระพรแก่ท่านอย่างน่าเหลือเชื่อ]

เช่นกัน ... วันนี้ อาจจะมีมาระโก ที่เป็นเด็ก สร้างแต่ปัญหาให้เรา ... แต่เชื่อไหม วันหนึ่งเขาจะเป็นมาระโก ที่เป็นพระพรแก่เราด้วยเช่นกัน?!

อย่าหมดหวัง ... ในตัวคนๆหนึ่งในวันนี้ ตราบใดที่มีพระเจ้า วันนั้นจะมาที่เขาจะเป็นคนนั้นที่เป็นประโยชน์แก่เราจริงๆ

Ps.เนตรศักดิ์  ใสรังกา

เมื่อพระเจ้าอยู่ข้างเรา ใครจะหยุดยั้งเราได้

"พวกท่านคนเดียวจะขับไล่พันคนให้หนีไป เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงสู้รบเพื่อท่าน ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ จงรักษาตัวให้ดีที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน"
(โยชูวา 23:10-11)

ไม่ว่าจะวันไหนๆ ... ไม่ว่าจะสถานการณ์ใดๆ
ไม่ว่าจะเจอกับบุคคลเช่นไร ...
ไม่ว่าแดดร้อนแรงหรือพายุกระหน่ำที่น่ากลัว ...
ไม่ว่าจะรู้ หรือไม่รู้ ... ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง !!!!!

กระนั้น ... เราผู้เชื่อในพระเจ้า เราจะไม่หวั่นไหว
เพราะเรารู้ดีว่า ... พระเจ้าทรงคอยเสริมกำลัง ทำให้เราสามารถจะเผชิญกับทุกสิ่งได้ (ฟป.4:13) และโดยพระองค์ เราจะผ่านพ้นทุกเรื่องราวไปได้ (สดด.34:19)

ทุกเหตุการณ์ที่เลวร้าย ... ไม่เคยจะเป็นสิ่งที่จะสามารถทำร้ายและทำลายเราได้เลย ... เพราะเรารู้ว่า "ที่ลี้ภัยของเรา และป้อมปราการของเราอยู่ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" (สดด.91:1-2)

แต่ในทุกเหตุการณ์เหล่านั้น ... จะต้องเกิดขึ้น เพื่อจะนำเรามาสู่ "การขอบพระคุณ" ... เมื่อมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น อย่าร้องทูลขอให้พระเจ้าช่วยเราให้พ้นภัย แต่จงสรรเสริญพระเจ้าให้มากขึ้น ... เพราะสิ่งที่เกิดเลวร้าย รุนแรงมากเพียงใด เราก็จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น (ยน.12:27-28)

หลายครั้ง ... ขณะที่เรากำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมปัญหานับพันที่ถาโถมเข้าใส่ อธิษฐานเพียงใด แต่ดูเหมือนจะยิ่งเงียบ ... จนเหมือนเราเดินเพียงลำพัง ไม่มีคนข้างกาย ... ไม่เป็นความจริงเลย ณ เวลานั้น ... เพราะหนทางมันแคบ อันตราย ดังหุบเขาเงามัจจุราช และพระองค์ไม่สามารถจะเคียงข้างได้ เพราะว่า "ทรงเดินนำหน้า" เราอยู่ ... ทรงระวังภัยที่อยู่ข้างหน้า จงก้าวตามหลังพระองค์อย่างวางใจ แล้วพระองค์จะทรงนำเราก้าวไปสู่ที่กว้างอย่างปลอดภัยแน่นอน ... ความเงียบ คือ คำตอบว่า "จงวางใจ และสงบใจเพื่อจะอธิษฐาน" ต่างหากละ (สดด.23:4, 46:10, 1ปต.                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                4:7) อย่าลืมสิ ... พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ (2ปต.3:9) เพียงแค่มองไม่เห็นพระเจ้า ก็อย่าด่วนสรุปว่าพระองค์ไม่ได้สถิต ณ ที่นั่น

และไม่ว่าปัญหาจะนับพัน ... แต่โดยพระเจ้าเสริมกำลัง เราเพียงคนเดียวจะต่อสู้ และมีชัยเหนือมันได้ ... จงระวังรักษาใจที่จะรักพระองค์ให้มากขึ้น ... หรือแม้ปัญหาจะมาเป็นกองทัพ จะเป็นดั่งกำแพงที่สูงขวางกั้นทางเดิน จงอย่าสยบต่อมัน แต่จงยอมจำนนคุกเข่าลงอธิษฐานให้มากขึ้น ... อย่าหนี จงนิ่งสงบ โดยพระเจ้าเราสามารถตะลุยกองทัพได้ และกระโดดปีนกำแพงไปได้ (2ซมอ.22:30)

ระวัง ... อย่าให้ปัญหาที่เกิดขึ้น บั่นทอนความเชื่อของเรา
ระวัง ... อย่าให้บางคนที่ทำร้ายจิตใจเรา บั่นทอนความรักของเรา
ระวัง ... อย่าให้บางสิ่งที่ตา [เนื้อหนัง] มองเห็น บั่นทอนความหวังของเรา

ระวัง ... อย่าหันกลับ "อย่าละทิ้งความไว้วางใจ ... จำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ และจะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น" (ฮบ.10:35-36)

จงให้สิ่งที่เกิดขึ้น บางคนที่เจอ บางอย่างที่มองเห็น ... ยิ่งทำให้เรา "รัก เชื่อ และหวังใจ" ในพระเจ้ามากยิ่งขึ้น เพราะในทุกเหตุการณ์ เราเป็นยิ่งกว่าผู้พิชิตแล้ว (รม.8:37) 

เอเมน
Ps.เนตรศักดิ์  ใสรังกา

จงกล้าในการรับใช้

อย่าพูดว่า...เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อพระเจ้าทรงฤทธิ์ทรงสถิตอยู่กับเรา

หลายๆครั้งในการเดินกับพระเจ้า ... สิ่งสำคัญที่สุดที่พระเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็น คือ "การมีหัวใจที่เข้มแข็งและกล้าหาญ" นั้นเป็นท่าทีที่เราเอาความเชื่อทั้งสิ้นของเราเข้าไปอยู่ในพระคริสต์ และให้พระเจ้าทรงฤทธิ์เข้ามาอยู่ในเรา ผ่านทางความเชื่อที่เข้ามาเชื่อมต่อเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า เป็นเนื้อเดียวกัน แยกจากพระองค์ไม่ได้เลย แล้วจงรอคอยปาฏิหารย์ที่จะมาถึงไวไวนี้ด้วยความหวังใจ(ยน.15:4-5)

ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม อย่าหวั่นไหว จงตั้งสติ ทำใจดีๆไว้ เพราะเมื่อพระเจ้าทรงนำเราไป พระองค์จะไม่ทรงปล่อยให้เราต้องตายแน่นอน

เช่นที่อ.เปาโล กล่าวไว้ว่า :
"...จะได้ไม่ต้องประสบอันตรายและความสูญเสีย แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านให้ทำใจดีๆไว้ เพราะว่าในท่ามกลางท่านทั้งหลายจะไม่มีใครเสียชีวิต จะเสียก็แต่เรือเท่านั้น เพราะว่าเมื่อคืนนี้เอง ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของตัวข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าที่ข้าพเจ้าปรนนิบัติมายืนอยู่ใกล้ข้าพเจ้า" (กจ.27:21-23)

จงวางใจ ในท่ามกลางพายุหรือว่าในเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและรักษาสัญญาเสมอ... ไม่มีสิ่งใดยากเกินที่พระเจ้าจะทรงทำให้สำเร็จไม่ได้ (ลก.18:27) บางทีชัยชนะของพระเจ้านอกจากจะเพราะเรามีความเชื่อวางใจแล้ว เราต้องไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อที่จะรอคอย อธิษฐานต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบ แม้คำตอบนั้นจะไม่ถูกใจของเรา แต่จงเชื่อว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ (2ซมอ.12:16-23) ดังเช่นดาวิดกล่าวว่า ;
"จงเข้มแข็งและกล้าหาญ และลงมือทำ อย่ากลัวเลย อย่าขยาด เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าคือพระเจ้าของข้าสถิตกับเจ้า พระองค์จะไม่ทรงละจากเจ้าหรือทอดทิ้งเจ้า จนกว่างานทั้งสิ้นสำหรับงานปรนนิบัติแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์จะสำเร็จ" (1พศด.28:20)

อย่าลืม...เราเป็นของพระเจ้า และเรากำลังรับใช้พระคริสต์ ฉะนั้น...จงมั่นใจว่าทุกสิ่งที่เราทำด้วยความเชื่อ มันเป็นท่าทีที่หวังใจว่า...ทุกสิ่งที่เราทำนั้นจะไม่สูญเปล่า แต่จะเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นอย่างดี (1คร.15:58) และพระวิญญาณฯของพระเจ้าจะทรงสถิตกับเรา ร่วมมือกับเราเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือเราให้ทำทุกสิ่งให้สำเร็จ
"พวกสาวกจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งหน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับพวกเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของพวกเขา ด้วยการให้มีหมายสำคัญประกอบคำสอนนั้น" (มก.16:20)

ฉะนั้น...จงกล้าหาญที่จะก้าวออกไปเถิด จงทำงานที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าให้เต็มที่ (กจ.20:24) อย่ากังวลว่าจะไม่เกิดผล อย่าลืม...การทำงานรับใช้เป็นงานของเรา แต่การเกิดผลทั้งสิ้นเป็นของพระเจ้า เพราะเรากับพระคริสต์ต่างเป็นเพื่อนร่วมงานเพื่อทำงานของพระเจ้าร่วมกัน (1คร.3:7-9)

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
Ps.เนตรศักดิ์  ใสรังกา

เชื่อได้ก็ทำให้ได้ทุกสิ่ง

"แต่สำหรับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะมองดูพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะเฝ้าคอยพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงฟังข้าพเจ้า" (มคห.7:7)

การไม่มี ไม่ได้แปลว่า "ทำไม่ได้"
สิ่งที่ยาก หรือสิ่งที่ไม่ง่าย ก็ไม่ได้แปลว่า "จะเป็นไปไม่ได้" ... เพราะโดยพระเจ้าเราสามารถทำสิ่งสารพัดได้ สามารถตะลุยกองทัพใหญ่ได้ และสามารถกระโดดข้ามกำแพงได้ (สดด.18:29, ฟป.4:13)

แม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ ... แต่เราเลือกเติบโตขึ้นเพื่อจะถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าอย่างไรได้!

อย่าจำกัดความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา ... ด้วยสิ่งที่เรา "ขาด"
จงชื่นชมในสิ่งที่ "มี" และสรรเสริญพระเจ้าในทุกๆวัน จงศรัทธาว่า "พระเจ้าสามารถทำทุกสิ่งได้ ... ไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่พระเจ้าจะทรงทำให้สำเร็จไม่ได้" (มธ.19:26, ลก.1:37)

ยิ้มให้กับสิ่งที่เกิด ... แหงนหน้ามองเบื้องบน แล้วเชื่อว่า โดยพระเจ้า ไม่นานสิ่งดีจะต้องเกิดขึ้นกับเราแน่นอน ... หากใจเรายังรักพระองค์ดีอยู่ ทุกสิ่งที่เกิดจะร่วมกันก่อเกิดผลดีแก่เราที่รักพระนามพระองค์ (สดด.91:14, รม.8:28)

พระเจ้าอวยพรครับ

Ps.เนตรศักดิ์  ใสรังกา

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ความชื่นชมยินดี

ความชื่นชมยินดีของเราอยู่ในองค์พระผู้เป็นเจ้าจริงๆ ... เพราะเราจะได้ภาวนาพระคำของพระองค์
เพื่อเราจะฉลาดกว่าบรรดาศัตรูของเรา เพื่อเราจะมีสติปัญญามากกว่าบรรดาผู้มีความรู้
และเพื่อเราจะมีความรู้และความเข้าใจกว่าบรรดาผู้สูงอายุ (สดด.119:98-100)

"และเมื่อบรรดาผู้บัญชาการรถรบเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า 'เป็นพระราชาอิสราเอล' พวกเขาจึงหันไปจะสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น และพระยาห์เวห์ทรงช่วยพระองค์ พระเจ้าทรงให้เขาทั้งหลายออกไปเสียจากกษัตริย์" (2พศด.18:31)

วันนี้ ... เราได้เรียนรู้ว่า การอธิษฐานและการสรรเสริญเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ
เรามีเสรีภาพเมื่อเรานมัสการ
เราเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเมื่อเรานมัสการ
และการอธิษฐานด้วยความเชื่อจะเชื่อมเราเข้าสู่พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด

หากไม่มีอุปสรรคที่มากมาย และไม่มีสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ เราคงพลาดโอกาสสำคัญที่จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ และประสบการณ์ในฤทธานุภาพของพระเจ้า

เราเชื่อได้มากขึ้น เพราะเรามีความมั่นใจ และความมั่นใจนั้นเกิดขึ้นเพราะประสบการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง ... นั้นคือสิ่งที่ยืนยันว่า "พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่เพียงไร ... สำหรับเราที่เชื่อ" (อฟ.1:19)

วันนี้ ... เราเริ่มต้นด้วยการอธิษฐานและสรรเสริญ ต่อด้วยพระคำ แล้วจบด้วยการขอบพระคุณ
เรามั่นใจว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่จริงๆ ... ชั่วชีวิตนี้ขออยู่เพื่อจะสรรเสริญเรื่อยไป
ไม่มีใครจะเปรียบเหมือนพระเจ้าของเราจริงๆ ... ทรงสามารถทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ (มธ.19:26)

"แต่พระองค์ตรัสว่า 'สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าทรงทำได้'" (ลก.18:27)

อย่าลืม ... พระนามของพระเยซูคริสต์ เป็นพระนามแห่งความรอด และทุกคนที่ร้องออกพระนามนั้น จะได้รับการช่วยกู้ให้รอด และพระบิดาจะกระทำทุกสิ่งที่เขาร้องทูล และมากยิ่งกว่าอีก (ยน.14:13, กจ.4:12, อฟ.3:20, วว.7:10)

"ข้าพเจ้าคอยพระยาห์เวห์ จิตใจของข้าพเจ้าคอยอยู่ และข้าพเจ้าหวังในพระวจนะของพระองค์ ... อิสราเอลเอ๋ย จงหวังในพระยาห์เวห์ เพราะในพระยาห์เวห์มีความรักมั่นคง และในพระองค์มีการไถ่อย่างสมบูรณ์" (สดด.130:5, 7)

ฮาเลลูยา ... สรรเสริญพระเจ้าสูงสุด
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2559

พระเจ้าให้เราชื่นชมกับสิ่งที่มี

พระเจ้าให้เราชื่นชมกับสิ่งที่มี ... ฉะนั้นจงเลิกจดจ่อกับสิ่งที่ขาด

"ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด เพราะน้ำขึ้นมาถึงคอข้าพระองค์แล้ว ข้าพระองค์จมอยู่ในเลนลึก ไม่มีที่ยืน ข้าพระองค์มาอยู่ในน้ำลึก และน้ำท่วมข้าพระองค์ ข้าพระองค์เหนื่อยอ่อนกับการร้องไห้ คอของข้าพระองค์แห้งผาก ตาของข้าพระองค์มัวลงด้วยการรอคอยพระเจ้าของข้าพระองค์" (สดด.69:1-3)

แม้จะดูเหมือนจะหมดหวัง ... ดูเหมือนอะไรๆจะเป็นไปไม่ได้ ก็จงอย่าหยุดที่จะอธิษฐาน อย่าประมาทการอธิษฐาน เพราะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถเคลื่อนพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าได้ ... เช่น ดาวิด

ดาวิด ... สุข ก็สรรเสริญพระเจ้า และพร้อมจะทำมากกว่าหากสิ่งนั้นพระเจ้าพอพระทัย (2ซมอ.6:13-14, 21-22)
ดาวิด ... ทุกข์ ก็ยังสรรเสริญพระเจ้า สายตาเพ่งมองที่พระองค์ผู้เดียว (กจ.2:25-28)
ฉะนั้นคำอธิษฐานในสดุดี 69 จึงกลั้นออกมาจากใจของดาวิด เพราะท่านรู้ดีว่า "ข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระยาห์เวห์จากความคับแค้นใจ พระยาห์เวห์ทรงตอบข้าพเจ้าโดยประทานความโล่งใจให้" เพราะท่านเชื่อมั่นว่าแม้ "ข้าพเจ้าถูกผลักอย่างแรง ข้าพเจ้ากำลังจะล้ม แต่พระยาห์เวห์ทรงช่วยข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นความรอดของข้าพเจ้า" (สดด.118:5, 13-14)

ไม่มีสิ่งใดจะหยุดดาวิดไม่ให้สรรเสริญพระเจ้า ... เพราะสิ่งล้ำค่าที่สุดมิใช่เพราะมีทุกสิ่ง แต่หากคือ การยังมีลมหายใจที่จะได้สรรเสริญพระองค์ดีอยู่ต่างหากละ เช่น เปาโลและสิลาส แม้จะถูกจับ ถูกมัดใส่ขื่อไร้อิสรภาพ แต่ไม่มีโซ่ใดจะสามารถล่ามใจท่านทั้งสองให้หยุดอธิษฐานและสรรเสริญพระเจ้าได้ (กจ.16:22-26)

จำไว้ว่า ;
เราไม่เคย 'ไม่มี' แต่ก็แค่อาจจะ 'ขาด' หรือแค่ยัง 'มีไม่พอ' ... ฉะนั้นอย่าทุกข์เพราะคิดว่า 'ขาด' หรือ 'มีไม่พอ' จงยิ้มไว้ เพราะอย่างน้อยเราก็ยัง 'มี' [บ้าง]!

"พระยาห์เวห์ทรงเลี้ยงดูข้าพเจ้าดุจเลี้ยงแกะ ข้าพเจ้าจะไม่ขัดสน" (สดด.23:1)

อย่าลืม ... พระสัญญา
"ผู้ใดสัตย์ซื่อ [เห็นคุณค่า] ในสิ่งเล็กน้อย พระเจ้าจะตั้งคนนั้นให้ดูแลของจำนวนมาก เพื่อเราจะได้ชื่นชมร่วมกับพระองค์" (มธ.25:21)

ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่า 'เรามีเท่าไร?'
หากความสุขขึ้นอยู่กับทศนคติของเราต่อสิ่งที่เรามี ... คิดบวก ชีวิตก็บวก ... เห็นสิ่งที่มีมีคุณค่า สิ่งนั้นก็จะมีความหมาย และสร้างสรรค์สิ่งดีให้ชีวิตเราต่อไป ...!!!!

ไม่สำคัญว่าเราจะมีอะไรอยู่ใน 'มือ' แต่สำคัญที่เราใช้สิ่งนั้นอย่างไร? อย่างเห็นค่า ... โดยสติปัญญา และโดยพึ่งพระเจ้า "สิ่งเล็กน้อยก็สามารถเพิ่มพูนให้ใหญ่โตได้!"

วันนี้จงอธิษฐานเช่นดาวิดว่า ;
"ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ข้าพระองค์เป็นใครเล่า ... พระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาไกลขนาดนี้? ดาวิดจะกราบทูลสิ่งใดต่อพระองค์ได้เล่า? ... พระองค์เองทรงรู้จักผู้รับใช้ของพระองค์ ... พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเหมือนพระองค์ ไม่มีใครนอกเหนือพระองค์ ตามทุกสิ่งที่หูของพวกข้าพระองค์ได้ยินมา ... เพราะฉะนั้น ผู้รับใช้ของพระองค์จึงมีใจกล้าวิงวอนต่อพระองค์ด้วยคำอธิษฐานนี้ ... พระองค์ตรัสแล้ว และด้วยพรของพระองค์ ก็ขอให้ผู้รับใช้ของพระองค์รับพระพรเป็นนิตย์" (2ซมอ.7:18-29)

Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา