เคยไหม...ที่สถานการณ์รอบด้านกดดัน หมดหนทาง จนปัญญาไม่รู้จะหันไปทางไหน โดดเดี่ยว เสมือนมีมีดมาจ่อที่คอห้อย ก้าวพลาดอีกเพียงนิด...เหมือนๆจะพินาศเลยชีวิต จนบางทีอยากจะตายมากกว่าการจะมีชีวิตอยู่
เราคงจะพูดเหมือนโยบที่ว่า "ข้าเบื่อชีวิตของข้า ข้าจะร้องทุกข์อย่างไม่ยับยั้ง ข้าจะพูดด้วยใจข่มขื่น" (โยบ 10:1) แล้วบางทีอาจจะกล่าวว่า "ทำไมเราต้องเกิดมาด้วย...!" "ทำไมข้าไม่ตายเสียตั้งแต่ออกจากครรภ์? ทำไมข้าไม่ออกจากครรภ์มารดาแล้วสิ้นใจ?" (โยบ 3:11) ชีวิตที่น่าเบื่อ...เพราะทำดีเท่าไรก็ไม่มีใครเห็น ทำดีแต่ไม่ได้ดีแต่สิ่งได้กลับเป็นการสูญเสีย โยบต้องสูญเสียทุกสิ่งเพียงแค่พริบตาเดียว แถมยังเจ็บปวดเพราะฝีตั้งแต่กระหม่อมจรดปลายเท้าอีก ต้องนั่งบนกองขี้เถาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด แต่ถึงกระนั้น...โยบกลับตอบสนองด้วยการ "สรรเสริญพระเจ้า"
"ข้ามาจากครรภ์มารดาตัวเปล่า และข้าจะกลับไปตัวเปล่า พระยาห์เวห์ประทาน และพระยาห์เวห์ทรงเอาไปเสีย สาธุการแด่พระนามพระยาห์เวห์" (โยบ 1:21) และท่านยังยึดความเชื่อในพระนามพระเจ้าไว้ว่า "เราจะรับสิ่งดีจากพระเจ้า และจะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรอ?" (โยบ 2:10)
หรือเราอาจจะพูดเช่นโมเสส...เมื่อภาระปัญหาที่เราแบกนั้นมันหนักเหลือเกินจริงๆ
"ข้าพระองค์ไม่สามารถโอบอุ้มคนเหล่านี้แต่ลำพังเพราะเป็นภาระหนักเกินไปสำหรับข้าพระองค์ ถ้าพระองค์จะทรงทำต่อข้าพระองค์เช่นนี้ และถ้าข้าพระองค์เป็นที่โปรดปราน ก็ขอทรงประหารข้าพระองค์ทันทีเถิด ขออย่าให้ข้าพระองค์เห็นความทุกข์ยากของข้าพระองค์เลย" (กดว.11:14-15)
ในอารมณ์แบบนั้น แน่นอนสิ่งที่ท่านเจอคือ เสียงบ่น จากคนที่ติดตามท่าน เคยไหม...ที่ต้องอดทนกับคนที่เห็นค่าเราเฉพาะเวลาที่มีปัญหา หรือมักจะโยนความผิดให้เราว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาเสมอๆ
แต่...โมเสสแม้ว่าจะเจอกับสิ่งใด แต่ท่านกลับอธิษฐานว่าด้วยความหวังว่า;
"ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงหันมาเถิด ยังอีกนานเท่าใด ขอทรงสงสารบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ร้องเพลงด้วยความชื่นบานและยินดีตลอดวันเวลาของพวกข้าพระองค์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีให้มากวันเท่ากับที่พระองค์ได้ทรงให้พวกข้าพระองค์ทุกข์ยากนั้น และให้มากปีเท่ากับที่พวกข้าพระองค์ได้ประสบสิ่งร้าย" (สดด.90:13-15)
ท่านอธิษฐานด้วยความหวังว่า...พระเจ้าจะทรงให้ท่านพบความชื่นบานเท่าๆกับที่พบความทุกข์ยาก ...ฉะนั้น จงหวังอย่างเดียวกับท่านและยิ่งกว่านั้น แม้ในโลกนี้เราจะประสบความทุกข์ยากมากมาย แต่ความชื่นชมยินดีนิรันดร์รอเราอยู่ที่แผ่นดินของพระเจ้าแน่นอน(ยน.
หรือบางทีเราก็อาจจะเหมือนเอลียาห์ ที่ทำดีแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร นอกจากตัวเองเท่านั้น [คิดไปเอง]
"พอกันที ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้ขอเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษ" (1พกษ.19:4) ในสถานการณ์นี้...ณ ที่ใต้ต้นซาก ยิ่งมองดูสภาพของตัวเอง และคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ท่านกลับคิดว่าไม่เหลือใครสักคนจะเคียงข้างท่านเลยจริงๆ "ข้าพระองค์หวงแหนแทนพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพยิ่งนัก เพราะประชาชนอิสราเอลได้ทอดทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ ได้พังแท่นบูชาของพระองค์ และประหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์ด้วยดาบ และข้าพระองค์ ข้าพระองค์แต่ผู้เดียวเหลืออยู่ และเขาทั้งหลายมุ่งเอาชีวิตข้าพระองค์" (1พกษ.19:10)
แต่ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น คนที่มีหัวใจพระบิดา...เขาอาจจะบ่นบ้าง แต่เขาจะเลือกบ่นกับพระเจ้า เพราะบางที...มนุษย์ก็ไม่น่าไว้ใจ บางทีเงียบบ้างเพื่อว่าอะไรจะดีขึ้น แต่หากอยากจะพูดอะไร? ดีที่สุด คือ จงเลือกพูดกับพระเจ้าดีกว่า...รับรองว่าพระเจ้าจะไม่ทรงเบื่อหน่ายที่จะฟังเรา เช่นเอลียาห์ทำ เพราะมั่นใจได้ว่า...พระเจ้าจะไม่ทรงซ้ำเติมหรือตำหนิเราเด็ดขาด และพระเจ้าจะทรงเปิดตาของเราให้เห็น "มานา" ที่ซ่อนอยู่แน่นอน
พระวิญญาณฯพระเจ้าตรัสว่า
"เราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่แก่คนที่ชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย และบนหินนั้นจะมีชื่อใหม่ จารึกในสิ่งที่ไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ" (วว.2:17)
และใครคือผู้ที่จะชนะ ก็คือ...
"ถ้าเราสู้ทน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์" (2ทธ.2:12)
อยากเป็นผู้ชนะ อยากจะร่วมครอบครองกับพระเยซูอย่างนิตย์นิรันดร์ จง"วางใจและอดทน" เท่านั้น เราไม่ได้สู้กับสิ่งใดเพื่อจะชนะ แต่เราสู้เพื่อจะรักษาความเชื่อที่มั่นคงไว้ในพระเยซูคริสต์ เพราะในพระคริสต์เพียงแค่เราเชื่อและอดทนให้มากที่สุด เราจะได้ได้ยิ่งกว่าเป็นแค่ผู้ชนะ (รม.8:37) หากแต่จะได้เป็นถึงผู้จะได้ครอบครองร่วมกันกับพระองค์ด้วย
พระเจ้าอวยพรครับ
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น