บางที...ในความผิดพลาดที่เราเคยทำ ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนเสมอไปที่จะยอมรับการเริ่มต้นใหม่ของเราได้ง่ายๆ แต่ที่แน่ๆไม่ว่าเขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ชมที่กำลังคอยดูว่าเรา...กลับใจใหม่และเริ่มต้นใหม่อย่างแท้จริงหรือยัง? อย่าลืมมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นและได้ยินความคิดของเราได้ แต่พระเจ้าทรงได้ยินและมองเห็นทุกสิ่ง (สดด.139:1-3)
ฉะนั้น...เข้าใจเลยว่า มนุษย์เชื่อในสิ่งที่มองเห็นมากกว่าเชื่อในลมปากของเรา จงอดทนและพิสูจน์ชีวิต แม้วันนี้ไม่มีใครเห็น หากว่า...เราแน่ใจว่าเราพร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วก็อย่ากลัว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนข้างๆคอยเสริมกำลังใหม่ให้เราเสมอ ฉะนั้นจงอดทนที่จะพิสูจน์ชีวิตต่อไป
"ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ และท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น" (ฮบ.10:36) ...และ "จงเป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้มีชีวิตปลอดภัย" (ฮบ.10:39)
เพราะผลของการเริ่มต้นใหม่ ก็คือผลของการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของเรา อย่าลืมสิ ต้นไม้ดีย่อมให้ผลดีออกมา น้ำจืดจะเปลี่ยนเป็นน้ำกร่อยได้อย่างไรละ? (มธ.7:16-20) ฉะนั้นอย่ากลัว อย่าท้อที่จะพิสูจน์ชีวิต
อดทนอย่างเดียวไม่พอจงเชื่อมั่นในพระเจ้า และเชื่อในสิ่งที่ตนเองจะทำด้วย อย่าขาดความเชื่อนี้ เพราะหากเราไม่มีความเชื่อเราจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าไม่ได้ (ฮบ.11:6) และจงคาดหวังที่พระเจ้า อย่าแขวนชีวิตบนความคาดหวังในตัวของมนุษย์ เพราะมนุษย์มักจะตัดสินทุกสิ่งบนความพอใจของตนเอง (สดด.37:1-2) และสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ วันนี้เขาอาจจะดีกับเราจนทำให้เราทุ่มเททุกสิ่งให้กับเขา แต่ไม่แน่วันหน้าเขาอาจจะแทงข้างหลังและทำร้ายเราก็ได้ ... ไม่เห็นหรือสาวกของพระเยซู คือ เปโตร ที่กล้าประกาศว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะต้องติดคุกหรือตายก็ดี" (ลก.22:33) ต่อมา...เขาได้วิ่งหนีเอาตัวรอดปล่อยให้พระเยซูโดนจับไป และยังปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระองค์ถึง 3 ครั้งอีก
ระวัง...คนที่ว่าตัวเองรักพระเจ้า และจะไม่มีวันทอดทิ้งพระองค์ แม้ว่าจะเอาเงินมากองให้สักเท่าไร หรือจะเจอสิ่งใดก็จะไม่มีวันเลิกติดตามพระคริสต์นั้น ... ระวังผู้ฝัดร่อนยืนอยู่รอบๆเราแล้ว ดังที่พระเยซูคริสต์ตรัสว่า
"ซีโมน ซีโมนเอ๋ย นี่แน่ะ ซาตานขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝันข้าวสาลี" (ลก.22:31)
พระคำของพระเจ้ายังเตือนเราอีกว่า "ผู้ที่คิดว่าตนเองมั่นคงเข้มแข็งดีแล้วระวังให้ดีๆ เกรงว่าจะล้มลง" (1คร.10:12) ขนาดเปโตรยังเคยล้มลงและวิ่งหนีพระเยซูคริสต์เพื่อเอาตัวรอด เมื่อวันนั้น...ของเรามาถึง ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไร ... พระวจนะของพระเจ้าจึง...หนุนใจเราให้ "ทรหดและอดทน" เพื่อที่เราจะสามารถทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้(ฮบ.10:36)
แต่สำหรับพระคริสต์แล้ว เมื่อเราล้มลงเมื่อไรในความบาป มันไม่สำคัญเพราะ "...แต่ที่ไหนมีบาปปรากฏมากขึ้น นี่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์มากขึ้น" (รม.5:20)
และพระองค์ทรงคาดหวังว่า "แต่เราอธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านหันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน" (ลก.22:32)
สรรเสริญพระเจ้า...นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เราไม่ได้เผชิญสิ่งใดเพียงลำพัง เรามีกองหนุน คอยอธิษฐานเพื่อเราเสมอๆไม่ว่าจะวันไหนๆ คือ พระเยซูคริสต์ สหายเลิศของเรา(ยน.17:20-23)
ระลึกเสมอ...ความผิดพลาดเกิดจากที่เราลื่นไถลจากความไว้วางใจในพระเจ้า แต่เมื่อเราล้มลงเมื่อไร...อย่าลืมพระสัญญาที่ว่า "พระหัตถ์ของพระเจ้าจะคอยพยุงเราไว้เสมอ และแม้เราจะล้มลงสักกี่ครั้ง พระเจ้าก็จะทรงพยุงและฉุดเราให้ลุกขึ้นใหม่เสมอ" (สดด.37:24, สภษ.24:16)
อย่าลืม...พระเจ้าให้เราแค่ลิ้มรสความล้มเหลว และสภาพที่อ่อนแอ แต่ไม่ใช่ให้เราจมปลักอยู่กับมัน ความล้มเหลวเป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่งที่เราทุกคนจำเป็นต้องก้าวข้ามมันมาให้ได้ เพราะ...ผู้เชื่อแท้ เขาอาจจะท้อใจได้แต่เขาจะไม่ถอย เพราะเขารู้ว่า...ความสำเร็จของเขาไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเท่ากับการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเลยจริงๆ แม้วันนี้...เขาอาจจะไม่สำเร็จ แต่เขาก็มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาได้ลงมือกระทำมันแล้ว เพราะเขารู้ว่า "พระคุณของพระเจ้าต่างหากละที่ทำทุกสิ่งผ่านทางเขา" (1คร.15:10)
การเริ่มต้นใหม่ เป็นท่าทีแห่งการนมัสการพระเจ้าด้วยใจอย่างแท้จริง เป็นการหันกลับมาสู่พระเจ้าและหันหลังให้กับความบาป ฉะนั้น...อย่าท้อใจ หากวันนี้บางคำพูดของบางคนที่ดูถูกเรา เพราะเขาคือมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นเดียวกันกับเรา ... ที่เขาพูดแบบนั้น เพราะเขาก็กำลังกักขังตัวเองอยู่กับอดีตของเราเองที่เคยทำไว้ จงอดทน...จงเชื่อมั่น เราจะไม่อยู่ที่นั่นแล้วแต่เราก็จะไม่ลืม เราจะจำไว้เป็นบทเรียนเพื่อเตือนสติเราและเพื่อจะเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนอื่นๆต่อไปด้วย แล้วเราก็จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าได้ ระลึกเสมอว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด แต่บางคนเลือกจะเก็บความผิดพลาดไว้เป็นความลับและอยู่กับมัน หาเหตุผลเพื่อแก้ตัว มากกว่าจะเปิดเผยต่อพระเจ้าเพื่อจะให้พระองค์ทรงเข้ามาช่วยแก้ไข ... คนที่ยอมจำนนและยอมรับคือคนกล้าหาญในพระคริสต์อย่างแท้จริง และให้รู้เลยว่า...พระเจ้าทรงภูมิใจในเขามากและมีความสว่างส่องเข้ามาสู่ชีวิตของเขาอีกครั้งแล้ว
"เพราะว่าพระเจ้าผู้ตรัสว่าให้ความสว่างส่องออกมาจากความมืด ทรงส่องสว่างเข้ามาในใจของเรา เพื่อให้เรามีความสว่างแห่งความรู้ถึงพระสิริของพระเจ้า ที่ปรากฏบนพระพักตร์ของพระคริสต์" (2คร.4:6)
วันนี้...จงทรหดอดทน วางใจ และเชื่อมั่น เพราะเชื่อว่า...พระเจ้าพระผู้ชมเพียงองค์เดียวจะทรงพอพระทัยในชีวิตของเรา วันนี้เราทำทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าอยู่หรือไม่? ฉะนั้นกว่าที่เราจะได้รับตามพระสัญญา [สิ่งที่เราคาดหวังไว้] จงอดทนและเชื่อมั่นก่อน และก้าวต่อไป แล้วพระเจ้าจะทรงพิสูจน์ทุกสิ่งเอง...เพราะพระเจ้าไม่ทรงลืมการงานทุกสิ่งที่เราทำและการงานนั้นจะไม่ไร้ประโยชน์เลยจริงๆ(1คร.15:58)
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น